วิธีการใช้
โกโก้ (Cocoa) ใช้ทำอะไร?
โกโก้ (Cocoa) เป็นพืชชนิดหนึ่งซึ่งใช้ทำ ช็อคโกแลต ซึ่งถือว่าเป็น a food treat มายาวนานแล้ว, โกโก้ (Cocoa) ถูกนำมาใช้
เป็นยาในปัจจุบัน
เมล็ดของโกโก้ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อในลำไส้และอาการท้องเสีย, โรคหอบหืด, โรคหลอดลมอักเสบ, และโรคไต, โรคเบาหวาน, ถือว่าเป็นยาชูกำลัง (a tonic), ถือเป็นยารักษาโรคทั่วไป (a general remedy).
เนยโกโก้ (cocoa butter) ใช้สำหรับ คอเลสเตอรอลสูง(high cholesterol) บางคนใช้เนยโกโก้ (cocoa butter)เพื่อรักษาริ้วรอยและป้องกันผิวหนังแตกลายระหว่างตั้งครรภ์
ในทางการผลิตแล้ว บริษัทยาใช้เนยโกโก้ (cocoa butter) เป็นส่วนผสมตั้งต้นที่ใช้ทำยาเหน็บขี้ผึ้งต่างๆ
โกโก้ (Cocoa) ทำงานอย่างไร?
เนื่องจากยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของโกโก้ (Cocoa) ไม่เพียงพอ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพืชชนิดนี้สามารถหาได้จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุมนไพรหรือแพทย์ได้ อย่างไรก็ตาม, เป็นที่ทราบกันดีว่า โกโก้ (Cocoa) ประกอบด้วยสารเคมีต่างๆ รวมถึง ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยังไม่เป็นแน่ชัดว่าสารเหล่านี้มีผลต่อร่างกายอย่างไร แต่พบว่าสารเหล่านี้มีผลทำให้หลอดเลือดดำคลายตัว ซึ่งยังผลให้ความดันโลหิตลดลง
ข้อควรระวังและคำเตือน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้โกโก้ (Cocoa)
ปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างใช้ยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- แพ้ โกโก้ (Cocoa) หรือยาอื่น หรืออาหารเสริมอื่น
- มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
- มีอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์
ข้อบังคับสำหรับอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยา จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ทั้งนี้ ก่อนใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานอาหารเสริมประเภทสมุนไพรนี้ต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
โกโก้ (Cocoa) ปลอดภัยแค่ไหน?
การรับประทาน โกโก้ (Cocoa) นั้นปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ การทาเนยโกโก้ (cocoa butter)นั้นก็ปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่เช่นกัน
ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ
สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร: โกโก้ (Cocoa) นั้นปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์และคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรหากใช้ในปริมาณปานกลางหรือปริมาณที่พบในอาหารทั่วไป แต่ควรจะระมัดระวังเรื่องการรับประทานด้วย
การรับประทานโกโก้ (Cocoa) ในปริมาณที่มากเกินไปนั้นอาจจะไม่ปลอดภัยเนื่องด้วยมีคาเฟอีน (caffeine) เป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนที่พบในโกโก้นั้นสามารถผ่านรกมาสู่ทารกในครรภ์ได้จากกระบวนการ producing fetal blood concentrations ซึ่งทำให้ระดับความเข้มข้นเลือดของทารกอยู่ระดับเดียวกับของมารดา แม้ว่าจะมีการโต้แย้งจากหลักฐานบางอย่างว่าปริมาณคาเฟอีนระดับสูงในระหว่างตั้งครรภ์นั้นอาจจะสัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนด, ทารกน้ำหนักตัวน้อย, และ การแท้งบุตร ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนแนะนำให้บริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยกว่า 200 มก. ต่อวัน ระหว่างตั้งครรภ์ และให้ระลึกไว้ด้วยว่าผลิตภัณฑ์ช๊อคโกแลตแต่ละชนิดนั้นมีคาเฟอีนอยู่ 2-35 มก. และช๊อคโกแลตร้อน 1 ถ้วยนั้นมีคาเฟอีนอยู่ 10 มก.โดยประมาณ
ส่วนคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรก็ควรจะระมัดระวังเรื่องการบริโภคคาเฟอีนด้วยเช่นกัน (Caffeine is also a concern during breast-feeding) เนื่องจากความเข้มข้นของคาเฟอีนที่ผ่านน้ำนมไปสู่ทารกนั้นมีความเข้มข้นเป็นครึ่งนึงของระดับความเข้มข้นของคาเฟอีนในเลือดแม่ ถ้าคุณแม่รับประทานช๊อคโกแลตในปริมาณที่มากเกินไป (16 oz per day), จะทำให้ทารกเกิดภาวะลำไส้แปรปรวน และถ่ายบ่อยเนื่องจากคาเฟอีนที่ได้รับนั่นเอง (the nursing infant may become irritable and have too frequent bowel movements because of the caffeine).
โรควิตกกังวล: มีความกังวลว่าคาเฟอีนปริมาณสูงที่อยู่ในโกโก้นั้น อาจทำให้อาการของโรควิตกกังวลแย่ลง
ภาวะเลือดออกผิดปกติ: โกโก้ทำให้การแข็งตัวของเลือดช้าลง การบริโภคโกโก้ปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเลือดออก (bleeding) และเป็นแผลฟกช้ำ (bruising) ในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ (bleeding disorders)
โรคหัวใจ (Heart conditions): โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนในโกโก้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดปกติในผู้ป่วยบางรายด้วย ดังนั้นจึงควรระมัดระวังการใช้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการของโรคหัวใจ
โรคเบาหวาน: โกโก้อาจเป็นสาเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและอาจจะรบกวนการความควบคุมน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานได้
ท้องเสีย: โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ, ซึ่งคาเฟอีนในโกโก้โดยเฉพาะหากรับประทานในประมาณมาก สามารถทำให้ภาวะท้องเสียรุนแรงขึ้นได้
โรคกรดไหลย้อน - Gastroesophageal Reflux Disease (GERD): โกโก้ไปขัดขวางประสิทธิภาพการทำงานของลิ้นเปิดปิดหลอดอาหาร ซึ่งเป็นตัวป้องกันไม่ให้อาหารในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมายังหลอดอาหารหรือทางเดินหายใจ ซึ่งโกโก้อาจจะทำให้อาการของ GERD แย่ลง
โรคต้อหิน: โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนในโกโก้นี้ไปเพิ่มความดันในตา ดังนั้นจึงควรใช้อย่างระมัดระวังในกลุ่มผู้ป่วยโรคต้อหิน
โรคความดันโลหิตสูง: โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนในโกโก้นี้ไปเพิ่มความดันเลือดในผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูง อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่รับประทานคาเฟอีนในปริมาณสูงอยู่แล้วนั้น อาจจะไม่ได้เป็นสาเหตุให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นมากนั้น
โรคลำไส้แปรปรวน - Irritable Bowel Syndrome (IBS): โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนในโกโก้นี้ โดยเฉพาะหากรับประทานในปริมาณมาก จะทำให้อาการท้องเสียแย่ลง และอาจจะทำให้อาการ IBS แย่ลงด้วยเช่นกัน
ปวดศรีษะไมเกรน: โกโก้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดไมเกรนได้ในผู้ป่วยที่ไวต่ออาการเจ็บป่วย (sensitive person)
โรคกระดูกพรุน: โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนในโกโก้นี้อาจจะทำให้ปริมาณแคลเซียมในปัสสาวะเพิ่มสูงขึ้นดังนั้นจึงควรใช้โกโก้อย่างระมัดระมัดในกลุ่มผู้ป่วยโรคกระดูกพรุน
การผ่าตัด: โกโก้อาจจะรบกวนการควบคุมระดับน้ำตาลในระหว่างหรือหลังจากการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานโกโก้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ- Rapid, irregular heartbeat (tachyarrhythmia): โกโก้จากดาร์คช๊อคโกแลต (Dark Chocolate) สามารถเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้ ผลิตภัณฑ์ต่างๆของโกโก้อาจจะทำให้อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะแย่ลง
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากโกโก้ (Cocoa)
โกโก้มีคาเฟอีนและสารเคมีที่สัมพันธ์อื่นๆเป็นส่วนประกอบ การรับประทานในปริมาณที่มากอาจเป็นสาเหตุให้เกิดผลข้างเคียงที่สัมพันธ์กับคาเฟอีน ตัวอย่างเช่น อาการกระวนกระวาย(nervousness), ปัสสาวะบ่อย, นอนไม่หลับ และมีภาวะหัวใจเต้นเร็วขึ้น
โกโก้เป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนัง, ท้องผูก, และอาจเป็นตัวนำให้เกิดปวดศรีษะไมเกรน นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุให้ปัญหาในระบบย่อยอาหารซึ่งรวมถึงอาการคลื่นไส้, อาการมวนท้อง (intestinal discomfort), มีอาการท้องร้องและก๊าซ/ลมในกระเพาะอาหาร (stomach rumbling, and gas).
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาแล้วข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงที่นอกเหนือจากที่ไม่ได้ระบุไว้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
ปฏิกิริยาต่อยา
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อใช้ยาอื่นร่วมกับโกโก้ (Cocoa)
โกโก้ (Cocoa) อาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ควบคู่กันหรือสภาพวะทางการแพทย์อื่นๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยา
ผลิตภัณฑ์ที่อาจจะทำปฏิกิริยากับโกโก้ (Cocoa) รวมถึง:
- อะดีโนซีน (Adenosine)
โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ คาเฟอีนที่อยู่ในโกโก้อาจจะยับยั้งปฏิกิริยาของอะดีโนซีน-adenosine (Adenocard). แพทย์มักจะใช้อะดีโนซีน-adenosine (Adenocard) เพื่อทำการทดสอบเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งการทดสอบที่กล่าวถึงนี่คือ Cardiac Stress Test ควรหยุดรับประทานโกโก้หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ Cardiac Stress Test
- โคลซาปีน (Clozapine)
ร่างกายทำการย่อยสลายโคลซาปีน (Clozapine) เพื่อขับออกจากร่างกาย คาเฟอีนในโกโก้
อาจจะทำให้ขบวนการขับ โคลซาปีน (Clozapine) ออกจากร่างกายนั้นช้าลง การรับประทานโกโก้ร่วมกับ โคลซาปีน (Clozapine) สามารถเพิ่มปฏิกิริยาและผลข้างเคียงของ โคลซาปีน (Clozapine) ได้
- ไดไพริดาโมล (Dipyridamole)
โกโก้มีส่วนผสมของคาเฟอีน ซึ่งคาเฟอีนในโกโก้นี้อาจจะยับยั้งปฏิกิริยา (affects) ของไดไพริดาโมล (Dipyridamole). แพทย์มักจะใช้ไดไพริดาโมล (Dipyridamole)เพื่อทำการทดสอบเกี่ยวกับหัวใจ ซึ่งการทดสอบที่กล่าวถึงนี่คือ Cardiac Stress Test ควรหยุดรับประทานโกโก้หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ Cardiac Stress Test
- เออร์โกตามีน (Ergotamine)
โกโก้มีส่วนผสมของคาเฟอีน คาเฟอีนสามารถเพิ่มการดูดซึมของเออร์โกตามีน (Ergotamine) เข้าสู่ร่างกายได้
ดังนั้นการรับประทานโกโก้ร่วมกับเออร์โกตามีน (Ergotamine) อาจจะเพิ่มปฏิกิริยาและผลข้างเคียงของ เออร์โกตามีน (Ergotamine) ได้
- เอสโตรเจน (Estrogen)
ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนในโกโก้เพื่อขับออกจากร่างกาย เอสโตรเจน (Estrogen) ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายช้าลง ดังนั้นการรับประทานคาเฟอีนร่วมกับเอสโตรเจน (Estrogen) อาจเป็นสาเหตุให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), หัวใจเต้นเร็ว, และอื่นๆ ถ้าคุณรับประทานเอสโตรเจน (Estrogen)อยู่ ก็ควรจะจำกัดการบริโภคคาเฟอีน
เอสโตรเจน (Estrogen) แบบเม็ดบางประเภทรวมถึง conjugated equine estrogens (Premarin), ethinyl estradiol, estradiol, และอื่นๆ
- ลิเทียม (Lithium)
ร่างกายมีการกำจัดลิเทียม(Lithium)ออกโดยธรรมชาติ คาเฟอีนในโกโก้ทำให้กระบวนการกำจัดลิเทียม (Lithium) ออกจากร่างกายเร็วขึ้น ถ้าคุณรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีความผสมของคาเฟอีนร่วมกับการรับประทานลิเธียมอยู่แล้ว ควรจะงดรับประทานคาเฟอีนอย่างช้าๆ การงดรับประทานคาเฟอีนเร็วเกินไปนั้นจะทำให้ผลข้างเคียงของลิเธียมนั้นเพิ่มขึ้น
- ยาสำหรับโรคหอบหืด (Medications for asthma)
โกโก้มีส่วนผสมของคาเฟอีน คาเฟอีนสามารถกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ยาบางประเภทที่ใช้สำหรับโรคหอบหืดนั้นสามารถกระตุ้นการทำงานของหัวใจด้วยเช่นกัน ดังนั้นการรับประทานคาเฟอีนร่วมกับยาบางประเภทที่ใช้สำหรับรักษาโรคหอบหืดนั้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการกระตุ้นหัวใจมากเกินไปซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจได้
ยาบางประเภทสำหรับโรคหอบหืดนั้นรวมถึง albuterol (Proventil, Ventolin, Volmax), metaproterenol (Alupent), terbutaline (Bricanyl, Brethine), และ isoproterenol (Isuprel)
- ยาสำหรับรักษาโรคซึมเศร้า (Medications for depression)
โกโก้มีส่วนผสมของคาเฟอีน คาเฟอีนสามารถกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ยาบางประเภทที่ใช้เพื่อรักษาโรคซึมเศร้านั้นสามารถกระตุ้นการทำงานของร่างกายด้วยเช่นกัน การบริโภคโกโก้ร่วมกับยาที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้านั้นอาจจะเป็นสาเหตุให้ร่างการได้รับการกระตุ้นมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ซึ่งรวมถึงอาการหัวใจเต้นเร็ว, ความดันโลหิตสูง, กระวนกระวาย(nervousness) และอาการอื่นๆ
ยาบางประเภทที่ใช้สำหรับรักษาโรคซึมเศร้านั้นรวมถึง phenelzine (Nardil), tranylcypromine (Parnate), และ
อื่นๆ
- ยารักษาโรคเบาหวาน (Antidiabetes drugs)
โกโก้อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ยารักษาโรคเบาหวานนั้นใช้เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง โกโก้นั้นอาจทำให้ประสิทธิภาพของยารักษาโรคเบาหวานลดลงจึงเป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิด ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาโรคเบาหวานนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามระดับน้ำตาลในเลือด
ยาบางชนิดที่ใช้สำหรับการรักษาโรคเบาหวานนั้นรวมถึง glimepiride (Amaryl), glyburide (DiaBeta, Glynase PresTab, Micronase), insulin, pioglitazone (Actos), rosiglitazone (Avandia), chlorpropamide (Diabinese), glipizide (Glucotrol), tolbutamide (Orinase), และอื่นๆ
- ฟีนิลโพรพาโนลามีน (Phenylpropanolamine)
คาเฟอีนในโกโก้สามารถกระตุ้นการทำงานของร่างกายได้ ฟีนิลโพรพาโนลามีน (Phenylpropanolamine)ก็สามารถกระตุ้นการทำงานของร่างกายได้เช่นกัน การรับประทานโกโก้ร่วมกับ ฟีนิลโพรพาโนลามีน (Phenylpropanolamine) อาจเป็นสาเหตุให้ร่างกายได้รับการกระตุ้นมากเกินไปซึ่งยังผลให้ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น, ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะวิตกกังวล
- ทีโอฟิลลีน (Theophylline)
โกโก้มีส่วนประกอบของคาเฟอีนอยู่ คาเฟอีนมีผลต่อร่างกายในทางเดียวกับทีโอฟิลลีน (Theophylline) คาเฟอีนทำให้กระบวนย่อยสลายทีโอฟิลลีน (Theophylline) ของร่างกายช้าลง ดังนั้นการรับประทานโกโก้ร่วมกับทีโอฟิลลีน (Theophylline) อาจจะเพิ่มปฏิกิริยาและผลข้างเคียงของทีโอฟิลลีน (Theophylline) ได้
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic)
ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนในโกโก้เพื่อขับออกจากร่างกาย ยาปฏิชีวนะบางชนิดทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายช้าลง การรับประทานยาปฏิชีวนะร่วมกับโกโก้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงต่างๆรวมถึงอาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), ปวดศรีษะ, เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและผลข้างเคียงตื่นๆ
ยาปฏิชีวนะบางชนิดที่ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนช้าลงนั้นรวมถึง ciprofloxacin (Cipro), enoxacin (Penetrex), norfloxacin (Chibroxin, Noroxin), sparfloxacin (Zagam), trovafloxacin (Trovan), and grepafloxacin (Raxar)
- ยาคุมกำเนิด (Birth contral pills)
ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนเพื่อขับออกจากร่างกาย ยาคุมกำเนิดนั้นทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายลดลง การรับประทานโกโก้ร่วมกับยาคุมกำเนิดสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดอาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), ปวดศรีษะ, เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและผลข้างเคียงตื่นๆ
ยาคุมกำเนิดบางประเภทนั้นรวมถึง ethinyl estradiol and levonorgestrel (Triphasil), ethinyl estradiol and norethindrone (Ortho-Novum 1/35, Ortho-Novum 7/7/7), และอื่นๆ
- ไซเมทิดีน (Cimetidine)
โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนเพื่อขับออกจากร่างกาย ไซเมทิดีน (Tagamet) ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายลดลง การรับประทานไซเมทิดีน (Tagamet) ร่วมกับโกโก้นั้นอาจจะเพิ่มโอกาสของการเกิดผลข้างเคียงของคาเฟอีน ซึ่งรวมถึงอาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), ปวดศรีษะ, หัวใจเต้นเร็ว, และอื่นๆ
- ไดซัลฟิแรม (Disulfiram)
ร่างกายย่อยสลายคาเฟอีนเพื่อขับออกจากร่างกาย ไดซัลฟิแรม (Disulfiram) ทำการกระบวนการย่อยสลายคาเฟอินของร่างกายลดลง การรับประทานโกโก้(ซึ่งประกอบด้วยคาเฟอีนนั้น) ร่วมกับ ไดซัลฟิแรม (Disulfiram) อาจจะเพิ่มปฏิกิริยาและผลข้างเคียงของคาเฟอีนซึ่งรวมถึงอาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), มีสมาธิสั้น (hyperactivity), หงุดหงิด (irritability) และอื่นๆ
- ฟลูโคนาโซล (fluconazole)
โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนเพื่อขับออกจากร่างกาย ฟลูโคนาโซล (Diflucan) ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายลดลง ฟลูโคนาโซล (Diflucan) อาจเป็นสาเหตุให้คาเฟอีนอยู่ในร่างกายนานเกินไป ดังนั้นการรับประทานโกโก้ร่วมกับ ฟลูโคนาโซล (Diflucan) อาจจะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงข้างคาเฟอีน เช่น กระวนกระวาย(nervousness), วิตกกังวล (anxiety), และนอนไม่หลับ (insomnia)
- เมกซิทิล (Mexiletine)
โกโก้มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนเพื่อขับออกจากร่างกาย เมกซิทิล (Mexitil) ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายลดลง การรับประทานเมกซิทิล (Mexitil) ร่วมกับโกโก้อาจจะเพิ่มปฏิกิริยาและผลข้างเคียงของโกโก้
- เวอราปามิล (Verapamil)
ร่างกายทำการย่อยสลายคาเฟอีนในโกโก้เพื่อขับออกจากร่างกาย เวอราปามิล (Calan, Covera, Isoptin, Verelan) ทำให้กระบวนการย่อยสลายคาเฟอีนของร่างกายลดลง การรับประทานคาเฟอีนร่วมกับเวอราปามิล (Calan, Covera, Isoptin, Verelan) ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงของคาเฟอีนซึ่งรวมถึงอาการสั่นในเด็กทารกแรกเกิด (jitteriness), ปวดศรีษะ, และหัวใจเต้นเร็วขึ้น
ขนาดการใช้
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดปกติของการใช้ cocoa อยู่ที่เท่าไร
ให้รับประทานตามขนาดที่ได้มีการศึกษาแล้วในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์:
โดยการรับประทาน:
กรณีความดันโลหิตสูง: รับประทานช็อคโกแลคหรือช็อคโกแลคนม 46 – 105 กรัม/วัน จะมีส่วนผสมของ cocoa polyphenols อยู่ 213 – 500 มก.
ขนาดรับประทานของโกโก้ (cocoa) อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพ และพยาธิสภาพอื่น ๆ สมุนไพรอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อรับปริมาณยาที่เหมาะสม
โกโก้(cocoa) มีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง
โกโก้(cocoa) อาจมีจำหน่ายอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้:
- โกโก้ (cocoa) แบบผง
- โกโก้ (cocoa) แบบสกัดในรูปแบบแคปซูล
- เนยโกโก้ (cocoa butter)
แหล่งที่มา:
Cocoa http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-812-cocoa.aspx?activeingredientid=812& Accessed August 10, 2017
Cocoa Butter Creme Cream http://www.webmd.com/drugs/2/drug-93244/cocoa-butter-creme-topical/details Accessed August 10, 2017
8 Cocoa Butter Benefits and Uses https://draxe.com/cocoa-butter/ Accessed August 10, 2017