เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / เป็นโรคไต จะดูยังไงว่ากินอะไรได้บ้าง
เป็นโรคไต จะดูยังไงว่ากินอะไรได้บ้าง

แค่ได้ยินว่า เป็นโรคไต เราทุกคนก็มักจะนึกถึงประโยคที่ว่า ห้ามกินเค็ม ห้ามใช้เกลือและน้ำปลา กันเป็นระบบอัตโนมัติเลยใช่ไหมคะ แต่รู้ไหมคะ ว่าจริง ๆ แล้ว การกินเค็ม ก็ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้เป็นโรคไต เพราะมันยังมีอย่างอื่นที่ทำให้เป็นได้อีกหลายอย่างเลย เช่น ไขมันสูง ความดันสูง เบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้พอเป็นไปนาน ๆ ก็ทำให้เข้าสู่วงการโรคไตได้เหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ตอนนี้ใครที่ไตยังปกติอยู่ หรือเป็นระยะต้น ๆ เราต้องเลือกทานอาหารดี ๆ ออกกำลังกาย เช็คความดันบ่อย ๆ และใช้ชีวิตอย่างสมดุลในแต่ละวันกันด้วยนะคะ

แต่สำหรับคนที่เริ่มก้าวเข้ามาเป็นโรคไตแล้วล่ะ เราจะดูแลตัวเองยังไง ให้ยังคงคุณภาพชีวิตปกติเอาไว้ได้ ให้ยังคงมีความสุขในการใช้ชีวิตต่อไปได้ และจะมีแนวทางดูแลผู้ป่วยซึ่งเป็นคนที่คุณรักยังไงดี วันนี้อายสรุปภาพรวมง่าย ๆ มาบอกกันค่ะ ว่าจริง ๆ แล้ว..

เป็นโรคไต ต้องดูอะไรอีกบ้าง นอกจาก "เค็ม"

diet4

 

คุกกี้ไข่ขาว

1.พลังงาน 

สำหรับโรคไตทุกระยะ 1-5 จะควบคุมพลังงานในแต่ละวัน เท่ากัน คือ 30-35 Cal/Kg. จาก IBW เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละคน ซึ่งอายขอยกตัวอย่างให้เห็นชัด  ๆ นะคะ

ตัวอย่าง นายกุ๊กไก่ อายุ 40ปี น้ำหนัก 60 Kg. ส่วนสูง 165 cm. **สูตร IBW = (ส่วนสูง หน่วย cm.) – 100 = น้ำหนักที่เหมาะสม ดังนั้นจากตัวอย่าง IBW ของนายกุ๊กไก่ = 165-100 = 65 kg. และพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน = 30 x 65 = 1,950 หรือประมาณ 2,000-2,200 kcal. ต่อวันนั่นเองค่ะ

**สำหรับผู้หญิง **สูตร IBW = (ส่วนสูง หน่วย cm.) – 110 = น้ำหนักที่เหมาะสม

ถ้าเราควบคุมพลังงานให้พอเหมาะได้ น้ำหนักก็จะไม่เกิน โรคต่าง ๆ ที่มากับน้ำหนักก็จะไม่เกิด ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นไปได้เยอะเลยล่ะค่ะ

 

2.โปรตีน

เพราะโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็น และควรเลือกเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายคุณภาพดีเป็นหลัก จึงเป็นเหตุที่ว่า ทำไมคุณหมอ คุณพยาบาลถึงแนะนำให้เราทานไข่ขาวกับเนื้อปลาบ่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกัน โปรตีนเองก็เป็นสารอาหารตัวนึง ที่ถ้าใคร อยู่ระยะก่อนฟอกไตแล้วทานมากเกินไป จะทำให้ไตยิ่งทำงานหนัก ของเสียจะสูงได้ง่าย เลยต้องควบคุมปริมาณโปรตีนที่ทานในแต่ละวันให้เหมาะสมกับแต่ละคนด้วย

ระยะก่อนฟอกไต

ผู้ป่วยควรได้รับโปรตีน 0.6-0.8 กรัม/น้ำหนักตัว (kg.) ตัวอย่างนายกุ๊กไก่คนเดิม แต่สมมติเพิ่มว่า เป็นโรคไตระยะ 3 ค่าน้ำหนักที่เหมาะสม (IBW) คือ 65 kg. โปรตีนที่ควรได้รับต่อวัน = 0.6 x 65 = 39 กรัม , 0.8 x 65 = 52กรัม แปลว่า นายกุ๊กไก่ ควรทานโปรตีนให้ได้ 39 ถึง 52 กรัมต่อวันจึงจะเหมาะสม

 

ระยะฟอกไต

จะตรงกันข้ามเลยค่ะ ระยะนี้ต้องการโปรตีนสูง ๆ เพราะการฟอกแต่ละครั้งจะสูยเสียโปรตีนออกไปตลอด หากทานไม่พอ ร่างกายก็จะขาดไปเรื่อย ๆ กล้ามเนื้อจะหายไป อ่อนเพลีย ไม่มีแรงอยู่บ่อย ๆ ผอมลง และติดเชื้อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 ระยะนี้ต้องการโปรตีน 1.2-1.5 กรัม/น้ำหนักตัว (kg.) ตัวอย่างนายกุ๊กไก่คนเดิม และเป็นระยะฟอกไตแล้ว

**ฟอกไตผ่านเครื่อง ต้องการโปรตีน 1.1-1.4 กรัม/น้ำหนักตัว (kg.)  ส่วนผ่านหน้าท้อง 1.2-1.5 กรัม/น้ำหนักตัว (kg.) นะคะ

ค่าน้ำหนักที่เหมาะสม (IBW) คือ 65 kg. โปรตีนที่ควรได้รับต่อวัน = 1.2 x 65 = 78 กรัม , 1.5 x 65 = 97 กรัม แปลว่า นายกุ๊กไก่ ควรทานโปรตีนให้ได้ 78 ถึง 97 กรัมต่อวันจึงจะเหมาะสม

 

ตัวอย่างแหล่งโปรตีนยอดฮิต

total
ขอบคุณภาพ https://planforfit.com

 

ขอบคุณภาพจาก http://kuunebyptpfoods.blogspot.com
ขอบคุณภาพจาก http://kuunebyptpfoods.blogspot.com

 

3.โซเดียม

เจ้าตัวดีที่เราเลี่ยงกันสุด ๆ แต่ก็หนีไม่ค่อยจะพ้น เพราะอยู่ในอาหารแทบทุกอย่างเลยล่ะค่ะ เพียงแต่มีมากมีน้อยต่างกัน ขึ้นชื่อว่า

เป็นโรคไต ไม่ว่าจะระยะก่อนฟอกและฟอกไตแล้ว ก็ต้องคุมตัวนี้เหมือนกัน ที่สำคัญโซเดียมไม่ได้อยู่แค่ในเครื่องปรุง แต่อยู๋ในสารปรุงแต่งอาหารด้วย เช่น ผงฟู ผงชูรส อยู่ในอาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป อย่างกุนเชียง ไส้กรอก ลูกชิ้น อาหารหมักดอง ปลาร้า

**1 วันควรได้รับ 1,500 – 2,000 mg.


ตัวอย่างปริมาณโซเดียมในอาหารยอดฮิต

 

724-302620824911112308-jpg

 

edema2
ขอบคุณภาพ เพจ ลดเค็มลดโรค

 

4.โพแทสเซียม

ทั้งระยะก่อนฟอกไต และฟอกไตแล้ว ก็ต้องคุมเหมือนกันค่ะ และจะขึ้นกับผลเลือดของแต่ละคนด้วย บางคนที่ค่าต่ำ ก็ต้องทานเพิ่ม บางคนที่ค่าสูงก็อาจจะต้องงดไปก่อนสักระยะ เจ้าตัวนี้จะมีผลโดยตรงกับหัวใจ เพราะงั้นต่อนข้างอันตรายเลยค่ะ ต้องควบคุมให้ดี คนที่ฟอกไตอยู่จะเคร่งมากกว่าระยะก่อนหน่อย เพราะเวลาโพแทสเซียมสูง แล้วมาฟอกไต อาจจะหายใจไม่ออก ต้องให้ออกซิเจน หรือน๊อคหมดสติ ถูกส่งฉุกเฉินระหว่างฟอกเลยก็มีให้เห็นบ่อย ๆ **1 วันไม่ควรทานเกิน 1,500 mg.

 

ตัวอย่างโพแทสเซียมในผักผลไม้

ขอบคุณภาพ https://1.bp.blogspot.com
ขอบคุณภาพ https://1.bp.blogspot.com

 

5.ฟอสฟอรัส

ตัวนี้ต้องควบคุมทั้งระยะก่อนฟอกไต และฟอกไตแล้ว มักจะอยู่ในอาหารที่คุณประโยชน์สูงและธัญพืช เช่น นม ถั่วชนิดต่าง ๆ ข้าว

และแป้งไม่ขัดสี กลุ่มที่เป็น Super food อย่าง กราโนล่า ควินัว ต้นอ่อนทานตะวัน เมล็ดเชีย เป็นต้น

ที่ต้องควบคุมอาหารเหล่านี้ ก็เพราะไตเราเสื่อม จึงกรองฟอสฟอรัสออกไม่ค่อยได้ ถ้าทานเข้าไปเยอะมันก็จะสะสมอยู่ในเลือดไป

เรื่อย ๆ และจำทำให้มีผลกับกระดูกของเรา ทำให้กระดูกบาง แตกหักได้ง่ายค่ะ ** 1 วันควรได้รับไม่เกิน 1,000 mg.

 

ตัวอย่างอาหาร ฟอสฟอรัสสูง ควรหลีกเลี่ยง

16427676_1849843981963527_85979340048138121_n

16425964_1849843868630205_1659536383548901033_n

16508300_1849843975296861_6342610039971474334_n

 

ตัวอย่างอาหาร ฟอสฟอรัสต่ำ ทานได้

16473936_1849844051963520_3946738563198643808_n

16406428_1849844068630185_6444861670418168867_n

16406538_1849844058630186_3841702391825650199_n

 

6.น้ำ 

โรคไต เป็นโรคเดียวที่สังเกตได้จากอาการบวมน้ำ เพราะว่าไตไม่สามารถขับปัสสาวะออกไปได้ น้ำก็เลยสะสมอยู่ในตัวเหมือนกับลูกโป่งที่เติมน้ำลงไป เพราะฉะนั้น น้ำ ก็เป็นตัวหนึ่งที่คนเป็นโรคไตต้องดูแลเป็นพิเศษค่ะ

สำหรับระยะก่อนฟอกไต ส่วนใหญ่มักไม่ต้องคุม ถ้าดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ได้จะยิ่งดีมาก ๆ ค่ะ เพราะไตชอบน้ำ (แทบไม่ต้องกรอง ไตจะทำงานเบา ๆ) แต่จะมีบางคนเท่านั้นที่ต้องคุมจากอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ

ส่วนระยะฟอกไตแล้ว กรณียังมีปัสสาวะ จะจำกัดน้ำอยู่ที่ 500-750 ml. + ปัสสาวะที่ออกมา (ที่ตวงได้) แต่ถ้าไม่มีปัสสาวะ จะจำกัดอยู่ที่ประมาณ 1 ลิตรต่อวัน เพื่อไม่ให้บวมจนเกิดภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งอันตรายมาก ๆ ถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

edema

 สรุปก็คือ นอกจากเค็มแล้ว ผู้ป่วยโรคไตไม่ว่าจะระยะไหน ก็ยังต้องสนใจโปรตีน โพแทสเซียม ฟอสฟอสรัส และน้ำเพิ่มเติมด้วย เพื่อช่วยไตของเราไม่ให้ทำงานหนัก จะได้ชะลอไตเสื่อมไปได้นาน ๆ และที่สำคัญ จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างปกติ แต่อาหารชนิดไหนที่เราอยากจะทานจริง ๆ ก็ควรทานในปริมาณน้อย และพิจารณาผลเลือดประกอบด้วยนะค๊า

สุดท้ายอายอยากฝากไว้ว่า จริง ๆ เป็นโรคไต  ทานได้ทุกอย่าง เพียงแต่จำกัดที่ปริมาณ อย่างเช่นเครื่องปรุง ไม่ใช่ว่าห้ามใช้แต่ให้ปรุงในปริมาณน้อย และไม่ควรทานอะไรซ้ำเดิมนาน ๆ ไม่งั้นก็อาจทำให้ขาดสารอาหารที่สำคัญตัวอื่นได้เช่นกัน การทานอาหารหลากหลาย อย่างละนิดละหน่อยคือการคุมอาหารที่ดีที่สุดค่ะ ขอให้ทุกคนแข็งแรง และมีความสุขกันมาก ๆ นะคะ 

Kidney Meal. (2561). เป็นโรคไตจะดูยังไงว่ากินอะไรได้บ้าง?. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561

11/12/2018
สุภัทรา ธรรมสัญจร

สุภัทรา ธรรมสัญจร (อาย)

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต ซึ่งเป็นโรคที่ไม่ติดต่อ หรือ Non-Communicable Diseases (NCDs) และเป็นโรคที่คนไทยจำนวนมากป่วยกันเป็นอันดับต้น ๆ 

สุภัทรา ธรรมสัญจร จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์อาหาร (Food Science) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง มีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยโรคไตมากว่า 10 ปี ปัจจุบันเป็นบลอกเกอร์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพชื่อดัง ทั้งเพจและเว็บไซต์ "ฟอกไตกินอะไรดี" และได้รับการตอบรับจากชุมชนคนรักสุขภาพทั่วประเทศ

บทความอื่นๆ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจแก่ประชาชน
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถ

WHO เฝ้าระวัง ปอดอักเสบ ในทุกวัย
WHO ออกแถลงการณ์ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ-ปอดบวม ระบาดในเด็กมากขึ้นทางตอนเหนือของจีน โดยหวั่นกันว่า อาจเกิดการระบาดใหญ่อีกระลอก พร้อมเรียกร้องให้จีนเผยข้อมูล

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐ - นักวิชาการแพทย์ เร่งขับเคลื่อนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เนื่องในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว