เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / เพรกนิโนโลน (Pregnenolone)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
เพรกนิโนโลน (Pregnenolone)

สรรพคุณ

เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) เป็นสารเคมีที่พบในร่างกายของเรา ซึ่งคนเรานำมาใช้เป็นยารักษาโรค

เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ใช้สำหรับ:

  • อาการเมื่อยล้าและช่วยเพิ่มพลังงาน
  • โรคอัลไซเมอร์และช่วยเพิ่มความจำ
  • การบาดเจ็บและความเสียหายจากการบาดเจ็บ
  • คลายเครียดและช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
  • ความผิดปกติของผิวหนัง ได้แก่ โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) และโรคหนังแข็ง (Scleroderma)

ผู้หญิงใช้ เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) สำหรับรักษาก้อนเนื้อที่หน้าอก (โรคมะเร็งเต้านมชนิด fibrocystic), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis), อาการของวัยหมดประจำเดือน (symptoms of menopause) และ อาการก่อนมีประจำเดือน (premenstrual syndrome หรือ PMS)

คนบางกลุ่มใช้เพรกนิโนโลน สำหรับชะลอวัยหรือทำให้ดูเด็กลง, โรคข้ออักเสบ และภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น, อาการภูมิแพ้, การล้างพิษ โรคลูปัสหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Lupus), โรคมัลติเพิล สเกลอโรซิส (), ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก และอาการชัก (

กลไกการออกฤทธิ์

ยังมีข้อมูลการศึกษาไม่เพียงพอในเรื่องกลไกการออกฤทธ์ของเพรกนิโนโลน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันดีว่าในร่างกายเรานั้น เพรกนิโนโลนใช้เพื่อสร้างพวกฮอร์โมนเตียรอยด์ทั้งหมด

ข้อควรระวังและคำเตือน

ปรึกษาแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในกรณีที่:

  • ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • กำลังใช้ยาอื่น ๆ รวมถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
  • มีอาการแพ้สารจากเพรกนิโนโลน ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
  • มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติหรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
  • มีอาการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูดหรือเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

 

ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อกำหนดยาอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ความปลอดภัย

ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอว่า เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) มีความปลอดภัยเมื่อนำมารับประทานหรือไม่

ข้อควรระวังเป็นพิเศษ & คำเตือน  

หญิงตั้งครรภ์และกำลังให้นมบุตร: ยังไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในการรับประทานเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ดังนั้นหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้

ภาวะที่ร่างกายไวต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งมดลูก, มะเร็งรังไข่, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) หรือ เนื้องอกในมดลูก: เนื่องจากเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) จะถูกเปลี่ยนแปลงในร่างกายไปเป็นเอสโตรเจน ดังนั้นถ้าคุณมีภาวะใดก็ตามที่อาการอาจแย่ลงจากการได้รับเอสโตรเจน ก็ไม่ควรใช้เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) เสริมอีก

ผลข้างเคียง

เพรกนิโนโลน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเหมือนสเตียรอยด์ ซึ่งประกอบด้วย การที่รังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป(overstimulation), นอนไม่หลับ, หงุดหงิด, โกรธง่าย, อาการวิตกกังวล ,สิวขึ้น, ปวดศีรษะ (headache), อารมณ์แปรปรวน (negative mood changes), ขนขึ้นที่หน้า ,ผมร่วง, และอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ (irregular heart rhythm)

ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้พบว่าเกิดกับทุกคน และอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงใดๆ ก็ตามโปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์

การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา

เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) อาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่กำลังรับประทานหรืออาการทางการแพทย์ที่คุณเป็นอยู่ ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนที่จะใช้

ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ประกอบด้วย:

  • เอสโตรเจน (Estrogens)

เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ถูกใช้ในร่างกายเพื่อสร้างพวกฮอร์โมนรวมทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจน การใช้เอสโตรเจนร่วมกับ เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) อาจทำให้มีปริมาณเอสโตรเจนในร่างกายสูงเกินไป

ยาเม็ดเอสโตรเจน ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจนธรรมชาติ (conjugated equine estrogens หรือ Premarin), เอทินิล เอสตร้าไดออล (Ethinyl estradiol), เอสตร้าไดออล (estradiol) เป็นต้น

  • โปรเจสติน (Progestin)

โปรเจสติน (Progestin) เป็นกลุ่มของฮอร์โมนชนิดหนึ่ง การใช้ฮอร์โมนชนิดอื่นร่วมกับยาเม็ดโปรเจสเตอโรน (progesterone pills) อาจทำให้มีปริมาณฮอร์โมนในร่างกายสูงเกินไป สามารถไปเพิ่มผลในการออกฤทธ์ของฮอร์โมนรวมถึงเพิ่มผลข้างเคียงได้

  • เทสโทสเตอโรน (Testosterone)

ร่างกายเปลี่ยนเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ไปเป็นเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ดังนั้นการใช้เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ร่วมกับเทสโทสเตอโรน (Testosterone) อาจทำให้มีปริมาณเทสโทสเตอโรนในร่างกายสูงเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้ได้รับผลข้างเคียงของเทสโทสเตอโรนที่มากขึ้นด้วย

ขนาดยา

ข้อมูลนี้จะไม่ใช่การแนะนำเช่นเดียวกับการใช้ยาโดยตรง ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ทุกครั้งก่อนที่จะใช้สมุนไพรชนิดนี้ 

ขนาดการใช้เพรกนิโนโลนทั่วไป

ขนาดการใช้สำหรับเพรกนิโนโลน (Pregnenolone) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย โดยปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับอายุ ภาวะสุขภาพและเงื่อนไขด้านอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้ไม่ได้มีความปลอดภัยเสมอไป ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อหาปริมาณที่เหมาะสมสำหรับผู้รับประทาน

รูปแบบของเพรกนิโนโลน

เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) อาจมีอยู่ในรูปแบบดังนี้

  • เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ชนิดแคปซูล
  • เพรกนิโนโลน (Pregnenolone) ชนิดยาหยอด
23/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว