การใช้
แอลคาร์นิทีนใช้ทำอะไร?
แอลคาร์นิทีนคือกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในร่างกายของเราเอง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแอลคาร์นิทีน จะใช้ในการเพิ่มระดับแอลคาร์นิทีนในคนที่มีระดับแอลคาร์นิทีนธรรมชาติต่ำเกินไปเพราะพวกเขามีความผิดปกติทางพันธุกรรม, มีการใช้ยาบางชนิด (กรดวาลโปรอิกสำหรับอาการชัก) หรือเพราะพวกเขากำลังอยู่ระหว่างหัตถการ (การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม) ที่ใช้แอลคาร์นิทีนจนหมด นอกจากนี้ยังใช้เป็นอาหารเสริมทดแทนสำหรับคนที่รับประทานมังสวิรัติอย่างเข้มงวด, คนที่กำลังลดน้ำหนัก และทารกที่น้ำหนักน้อยหรือทารกที่คลอดก่อนกำหนด
แอลคาร์นิทีนใช้สำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ, หัวใจล้มเหลว (CHF), โรคคอตีบ, หัวใจวาย, อาการกะเผลกเหตุปวดประสาท และไขมันในเลือดสูง
บางคนใช้แอลคาร์นิทีนสำหรับความผิดปกติของกล้ามเนื้อเกี่ยวข้องกับยารักษาเอดส์, ภาวะมีบุตรยากในเพศชาย, กลุ่มอาการเรตต์, เบื่ออาหาร, โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกิน, สมาธิสั้น (ADHD), แผลที่ขา,โรคลายม์ และเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเล่นกีฬาและความอดทน
แอลคาร์นิทีนทำงานอย่างไร?
ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของแอลคาร์นิทีนไม่มากพอ ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้กันว่าแอลคาร์นิทีนช่วยให้ร่างกายผลิตพลังงาน ซึ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานของหัวใจและสมอง, การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อและกระบวนการอื่นๆในร่างกาย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ควรรู้อะไรก่อนที่จะใช้แอลคาร์นิทีน?
ควรปรึกษากับแพทย์ถ้ามีอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างการใช้ยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- มีอาการแพ้สารใดๆที่มีสารประกอบของแอลคาร์นิทีนผสมยู่ หรือยาและสมุนไพรอื่นๆ
- มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
- มีอาการแพ้ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์
ข้อบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยา จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
แอลคาร์นิทีนปลอดภัยแค่ไหน?
แอลคาร์นิทีนปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่เมื่อใช้รับประทานหรือฉีดภายใต้คำแนะนำของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ:
หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ยังมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือไม่เพียงพอทางด้านความปลอดภัยในการใช้แอลคาร์นิทีนระหว่างมีครรภ์ จึงควรอยู่ในความควบคุมที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้
การใช้แอลคาร์นิทีนอาจปลอดภัยในหญิงที่ให้นมบุตรเมื่อรับประทานตามขนาดที่เเนะนำ แอลคาร์นิทีนจำนวนเล็กน้อยได้ถูกใช้กับทารกผ่านนมแม่และไม่มีรายงานผลข้างเคียงใดๆ อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่รู้กันดีในเรื่องของผลกระทบจากการให้แอลคาร์นิทีนจำนวนมาก
- เด็ก: แอลคาร์นิทีนอาจปลอดภัยหากรับประทานในขนาดที่เหมาะสมหรือฉีดเข้าเส้นเลือดดำ (ทาง IV) ในระยะสั้น
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน: แอลคาร์นิทีนอาจทำให้อาการของภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนแย่ลง
- ไตล้มเหลว: มีรายงานว่าการใช้ดีแอลคาร์นิทีน (DL-carnitine) ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเปลือกตาตกเมื่อฉีดเข้าเส้นเลือดดำ(ทาง IV) หลังจากการฟอกเลือด สำหรับแอลคาร์นิทีนดูเหมือนจะไม่มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น
- อาการชัก: แอลคาร์นิทีนดูเหมือนว่าจะมีแน้วโน้มทำให้เกิดอาการชักในคนที่เคยมีอาการนี้ ห้ามใช้แอลคาร์นิทีนหากคุณเคยมีอาการชักมาก่อน
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากแอลคาร์นิทีนมีอะไรบ้าง?
แอลคาร์นิทีนอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, อาการแสบร้อนกลางอก, ท้องเสียและอาการชัก นอกจากนี้ยังอาจทำให้ปัสสาวะ, ลมหายใจและเหงื่อมีกลิ่น คาว
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ โปรดปรึกษาแพทย์หากกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ยาอื่นร่วมกับแอลคาร์นิทีน
แอลคาร์นิทีนอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้ควบคู่กันในปัจจุบันหรือความเจ็บป่วยของท่าน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ผลิตภัณฑ์ยาหรือโรคที่อาจมีปฏิริยากับแอลคาร์นิทีน ได้แก่
- อะซีโนคูมารอล (Acenocoumarol)
อะซีโนคูมารอล ใช้ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด แอลคาร์นิทีนอาจเพิ่มประสิทธิภาพของอะซีโนคูมารอล การเพิ่มประสิทธิภาพของยาอะซีโนคูมารอลอาจทำให้เลือดแข็งตัวมากเกินไป ขนาดของอะซีโนคูมารอลอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง
- ไทรอยด์ฮอร์โมน
ขณะร่างกายสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน แอลคาร์นิทีนอาจไปชะลอการสร้าง การใช้แอลคาร์นิทีนอาจลดประสิทธิภาพของไทรอยด์ฮอร์โมนได้
- วาฟาร์ริน (Warfarin)
วาฟาร์ริน ใช้ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด แอลคาร์นิทีนอาจเพิ่มผลข้างเคียงจากวาฟาร์ริน และเพิ่มโอกาสที่จะมีรอยฟกช้ำและมีเลือดออก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านได้ตรวจเลือดเป็นประจำ ขนาดของวาฟาร์รินอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ
ขนาดปกติสำหรับแอลคาร์นิทีนอยู่ที่เท่าไร?
ปริมาณต่อไปนี้ได้รับการศึกษาในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์:
การรับประทาน:
- การขาดแคลนแอลคาร์นิทีนในผู้ใหญ่: 990 มิลลิกรัม สองถึงสามครั้งต่อวัน ในยาเม็ดหรือสารละลายในช่องปาก
- เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากกรดวาลโปรอิก (Valproic) / ดีพาคอน (Depacon) / ดีพาคีน (Depakene) / ดีพาโค๊ด (Depakote)/ วีพีเอ (VPA): 50 ถึง 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน ในขนาดที่แบ่งเป็นสามหรือสี่ ขนาดในการรับประทานสูงสุดไม่เกิน 3 กรัมต่อวัน
- อาการเจ็บหน้าอกและภาวะหัวใจล้มเหลว (CHF): 1 กรัม วันละสองครั้ง
- โรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน: 2-6 กรัมต่อวัน
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน: 1-2 กรัมวันละสองครั้ง
- ภาวะการมีบุตรยากในเพศชาย: รับประทานแอลคาร์นิทีน 2 กรัมบวกกับอะเซทิล แอล-คาร์นิทีน (L-acetyl-carnitine) 1 กรัมต่อวัน
ขนาดการใช้แอลคาร์นิทีน อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อทราบปริมาณยาที่เหมาะสม
แอลคาร์นิทีน มีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง?
แอลคาร์นิทีน อาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้
- แอลคาร์นิทีนชนิดแคปซูล
- แอลคาร์นิทีนชนิดผง
L-carnitine http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-1026-l-carnitine.aspx?activeingredientid=1026 Accessed August 8, 2018
L-carnitine https://examine.com/supplements/l-carnitine/ Accessed August 8, 2018