การใช้
หัวหอมใช้ทำอะไร
หัวหอมคือพืชชนิดหนึ่ง ใช้ทำเป็นยาได้
หัวหอมใช้รักษาอาการต่อไปนี้:
- รักษาปัญหาระบบการย่อยอาหาร อาการเบื่ออาหาร ท้องเสีย และโรคนิ่วในถุงน้ำดี
- รักษาโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เช่น อาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากหัวใจขาดเลือด และภาวะความดันโลหิตสูง
- ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- รักษาแผลบริเวณช่องปากและคอ โรคไอกรน หลอดลมอักเสบ หอบหืด ภาวะขาดน้ำ แก๊สในกระเพาะอาหาร พยาธิและโรคเบาหวาน
หัวหอมบางครั้งใช้เป็นยขับปัสสาวะเพื่อให้ปัสสาวะมากขึ้น
นำหัวหอมมาทาบริเวณผิวหนังเพื่อรักษาแผลแมลงกัด แผลทั่วไป แผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวก หูด และรอยฟกช้ำ
หัวหอมสามารถนำมาเป็นส่วนประกอบได้หลากหลายเมนู
ในด้านอุตสาหกรรม หัวหอมใช้เป็นรสชาติหนึ่งของอาหาร
ผลที่ได้
หัวหอมมีประสิทธิภาพในการลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงของการแข็งตัวของเส้นเลือด มีข้อหมูลว่าหัวหอมช่วยลดความหนาแน่นในปอดในผู้ที่เป็นโรคหอบหืด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการศึกษาสรรพคุณของหัวหอม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์
ข้อควรระวังและคำเตือนการใช้
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้หัวหอม
ควรปรึกษาหรือพบกับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างรับประทานยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- หากเคยมีประวัติแพ้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งของหัวหอมหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ
- หากมีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือสภาพทางการแพทย์อื่นๆ
- หากเคยมีประวัติการแพ้ต่างๆ แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์
กฎระเบียบสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่นๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องศึกษาให้มากเพื่อความปลอดภัยในการใช้ คุณประโยชน์ของการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้ต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์
หัวหอมปลอดภัยหรือไม่
หัวหอมปลอดภัยสำหรับการรับประทานในปริมาณที่สามารถพบได้ในอาหารทั่วไป และใช้ทาบริเวณผิวหนังได้ และปลอดภัยในการรับประทานปริมาณมาก ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน
ข้อควรระวังและคำเตือนการใช้โดยเฉพาะ
หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ยังไม่มีรายงานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยของหัวหอม หากอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่องให้นมบุตร จึงควรอยู่ในความควบคุมที่ปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณที่มาก
ภาวะเลือดออกผิดปกติ: หัวหอมมีประสิทธิภาพทำให้เลือดแข็งตัวช้า จึงมีข้อกังวลว่าอาจทำให้มีความเสี่ยงของภาวะเลือดออกผิดปกติ ไม่ควรใช้หัวหอมหรือสารสกัดจากหัวหอมหากมีอาการดังกล่าว
โรคเบาหวาน: หัวหอมมีประสิทธิภาพลดระดับน้ำตาลในเลือด หากมีอาการของโรคเบาหวานและใช้ยาสกัดจากหัวหอม ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระมัดระวัง
การผ่าตัด: หัวหอมมีประสิทธิภาพทำให้เลือดแข็งตัวช้าและมีประสิทธิภาพลดระดับน้ำตาลในเลือด ในทางทฤษฎี หัวหอมอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเลือดออกผิดปกติและมีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างการผ่าตัดหรือหลังการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานหัวหอมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้หัวหอม
ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการใช้หัวหอม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างกันของยา
ปฏิกิริยาที่จะได้รับเมื่อใช้ยาอื่นควบคู่กับหัวหอม
หัวหอมอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ควบคู่กัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ผลิตภัณฑ์ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับหัวหอม:
- แอสไพริน
ในผู้ที่มีอาการแพ้หัวหอม แอสไพรินอาจเพิ่มความไวต่อการแพ้หัวหอม แต่กรณีนี้มีรายงานเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย หากมีอาการแพ้หัวหอมควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินควบคู่กับการรับประทานหัวหอม
- ลิเทียม
หัวหอมมีประสิทธิภาพคล้ายกับยาขับน้ำ หรือ “ยาขับปัสสาวะ” การรับประทานหัวหอมอาจทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดลิเทียมในร่างกายลดลงและระดับลิเทียมในร่างกายมากขึ้นจนอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับหัวหอมในขณะที่ใช้ยาเกี่ยวกับลิเทียม
- ยารักษาโรคเบาหวาน (ยาต้านเบาหวาน)
หัวหอมมีประสิทธิภาพลดระดับน้ำตาลในเลือด ยาต้านเบาหวานก็มีประสิทธิภาพในการลดระกับน้ำตาลในเลือดเช่นกัน เมื่อรับประทานควบคู่กันอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำจนเกินไป ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด และควรปรับเปลี่ยนปริมาณยาต้านเบาหวานให้เหมาะสม
ยาต้านเบาหวาน เช่น ไกลเมพิไรด์ ไกลบูไรด์ ไกลนีส ไกลนีส เพรสแท็บ อินซูลิน พิโอกิลตาโซน โรซิกิลตาโซน คลอร์โพพาไมด์ กิลพิไซด์ ทอลบูตาไมด์ และอื่นๆ
- ยาชะลอการแข็งตัวของเลือด (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือ ยาต้านเกล็ดเลือด)
หัวหอมมีประสิทธิภาพทำให้เลือดแข็งตัวช้า เมื่อรับประทานคู่กับยาชะลอการแข็งตัวของเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเลือดออกผิดปกติ
ยาชะลอการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน โครพิโดเกรล ไดโคลฟิแนก ไอบูโปรเฟ่น นาพรอกเซน ดาลเทพาริน อีนอกซาพาริน เฮพาริน วาร์ฟาริน และอื่นๆ
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดปกติของการใช้หัวหอมอยู่ที่เท่าไร
ปริมาณการใช้หัวหอมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละผู้ป่วย ซึ่งปริมาณยาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพ และปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอาจไม่ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปริมาณยาที่เหมาะสมสำหรับการรับประทาน
หัวหอมมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากหัวหอมอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
- แคปซูล
- สารสกัดบริสุทธิ์
- ยาน้ำ
- ผง
Onion. http://www.healwithfood.org/health-benefits/eating-red-onions.php. Accessed April, 06, 2017.
Onion. http://www.rxlist.com/onion/supplements.htm. Accessed April, 06, 2017.
Onion. http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-643-ONION.aspx?activeIngredientId=643&activeIngredientName=ONION&source=2. Accessed April, 06, 2017.