เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / โสม (Panax Ginseng)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
โสม (Panax Ginseng)

การใช้

โสม (Panax ginseng) ใช้ทำอะไร? 

โสม (Panax ginseng) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่เติบโตในเกาหลี, ตะวันออกเฉียงเหนือของจีน, และตะวันออกไกลไซบีเรีย คนใช้รากของมันเพื่อนำมาทำยา โสม (Panax Ginseng) นั้นแตกต่างจากโสมอเมริกัน (American ginseng),โสมไซบีเรีย (Siberian ginseng) หรือโสมซานชี (Panax pseudoginseng)

ผู้คนนั้นรับประทานโสมเพื่อปรับปรุงกระบวนการคิด,สมาธิ,ความจำ,โรคอัลไซเมอร์,ประสิทธิภาพการทำงาน,ความแข็งแรงทางกายภาพ,ป้องกันความเสียหายของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย, และ    เสริมสร้างความอดทนแข็งแรง

บางคนใช้โสมเพื่อช่วยให้สามารถรับมือกับความเครียดและใช้เป็นยาชูกำลังทั่วไปสำหรับการปรับปรุงความเป็นอยู่ บางครั้งพวกเขาเรียกโสมว่าเป็น "สารปรับสมดุล" เมื่อใช้ในลักษณะนี้

โสม ยังใช้สำหรับภาวะซึมเศร้า, ความวิตกกังวล, ความเมื่อยล้าทั่วไป และโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง (CFS),   เส้นโลหิตตีบ,สำหรับการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และการต่อสู้กับการติดเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรคปอดที่เรียกว่าโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis) การติดเชื้อเหล่านี้เกิดจากแบคทีเรียชื่อ Pseudomonas

บางคนใช้โสม เพื่อรักษามะเร็งเต้านม และป้องกันมะเร็งรังไข่,มะเร็งตับ,มะเร็งปอด และมะเร็งผิวหนัง

และยังใช้รักษาโรคโลหิตจาง,หลอดลมอักเสบเรื้อรัง,โรคไข้หวัดหมู, ภาวะก่อนเป็นโรคเบาหวาน และโรคเบาหวาน,การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะ(โรคกระเพาะอาหารอักเสบ),ไข้,อาการเมาค้าง,โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD), โรคเอดส์,ปัญหาการเจริญพันธุ์และความผิดปกติทางเพศในผู้ชาย,ใช้เพื่อเพิ่มความเร้าอารมณ์ทางเพศในผู้หญิง และโรคหอบหืด

โสม ยังใช้สำหรับอาการเลือดออกผิดปกติ, ขาดความอยากอาหาร, อาเจียน, ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้, โรคนิ่ว, ลมหายใจมีกลิ่น, โรคปวดกล้ามเนื้อ (fibromyalgia),ปัญหาการนอนหลับ (insomnia),ปวดเส้นประสาท, อาการปวดข้อ, เวียนศีรษะ, ปวดศีรษะ, การสูญเสียการได้ยิน, อาการหงุดหงิด, ความผิดปกติของการตั้งครรภ์และการคลอด,อาการวัยทองเนื่องมาจากวัยหมดประจำเดือน, โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่, อาการหัวใจวาย, ความดันโลหิตสูง, เสริมสร้างคุณภาพชีวิต, รักษาผิวเหี่ยวย่นและชะลอกระบวนการชราภาพ

ผู้ชายบางคนใช้โสมกับผิวบริเวณอวัยวะเพศชาย ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ในการรักษาการสำเร็จความใคร่ในช่วงต้น (การหลั่งเร็ว)

ในกระบวนการผลิต โสมยังใช้ทำสบู่, เครื่องสำอาง และเป็นเครื่องปรุงในเครื่องดื่ม

 

การออกฤทธิ์?

เนื่องจากยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของโสมไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันว่าโสมมีสารกระตุ้นจำนวนมาก โดยสารที่คิดว่าสำคัญที่สุดเรียกว่า จินเซนโนไซด์ (ginsenosides) หรือ panaxosides Ginsenosides

Ginsenosides เป็นคำที่นักวิจัยชาวเอเชียกำหนดไว้และคำว่า Panaxosides เป็นคำที่นักวิจัยชาวรัสเซียได้เลือกไว้

โสม มักเรียกกันว่าเป็นยาที่เป็นประโยชน์ทั่วไป เพราะมีผลต่อระบบต่างๆของร่างกายแตกต่างกันไป

 ข้อควรระวังและคำเตือน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้โสม

 ควรปรึกษาแพทย์ นักสมุนไพร หรือเภสัชกร ถ้าอยู่ในอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:

  • ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • อยู่ในระหว่างใช้ยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
  • มีอาการแพ้สารบางอย่างในโสม หรือแพ้ยาชนิดอื่นๆ หรือสมุนไพรอื่น
  • มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
  • มีอาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้อาหาร สารย้อมสี สารกันบูด หรือสัตว์

ข้อบังคับสำหรับการใช้อาหารเสริมประเภทสมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยาทั่วไป จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ทั้งนี้ก่อนการใช้งาน ควรคำนึงถึงประโยชน์ของอาหารเสริมว่าควรมีมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษานักสมุนไพรหรือแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

 

โสมปลอดภัยแค่ไหน?

โสม อาจปลอดภัยเมื่อนำไปใช้กับผิวหนัง ซึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนผสมหลากหลายในผลิตภัณฑ์ (SS Cream) ในระยะสั้น

โสม อาจไม่ปลอดภัยเมื่อนำมาใช้รับประทานในระยะยาว (มากกว่า 6 เดือน) นักวิจัยคิดว่าอาจมีผลต่อฮอร์โมนบางอย่างที่อาจเป็นอันตรายต่อการใช้เป็นเวลานาน

 

ข้อควรระวังและคำเตือน

ช่วงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร:การรับประทานโสมในช่วงตั้งครรภ์อาจไม่ปลอดภัย เนื่องมาจากหนึ่งในสารเคมีในโสมถูกพบว่าเป็นสาเหตุให้เกิดความพิการของทารกแรกเกิดในสัตว์ อย่าใช้โสมถ้าคุณกำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์

 มีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับการใช้โสมในช่วงให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน

ทารกและเด็ก: โสมอาจไม่ปลอดภัยสำหรับทารกและเด็ก การใช้โสมในทารกมีผลให้เกิดการเป็นพิษที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนด้านความปลอดภัยของการใช้โสมในเด็กที่มีอายุมากกว่ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตามจนกว่าจะเป็นที่ทราบแน่ชัดควรหลีกเลี่ยงการใช้โสมแม้ในเด็กที่โตแล้ว

"โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง" เช่นโรคระบบประสาทส่วนกลางเสื่อม (MS) โรคลูปัส (lupus erythematosus, SLE) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (RA) หรือสภาพพยาธิอื่น ๆ : โสมดูเหมือนจะเพิ่มการกระตุ้นของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจทำให้โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองมีอาการแย่ลง อย่าใช้โสมถ้าคุณมีภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง

ภาวะเลือดออกผิดปกติ: โสม ดูเหมือนจะแทรกแซงกับการแข็งตัวของเลือด อย่าใช้โสมถ้าคุณมีภาวะเลือดออกผิดปกติ

โรคหัวใจ: โสมอาจส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตเล็กน้อยในวันแรกที่ใช้ อย่างไรก็ตามมักจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อใช้งานต่อ แม้กระนั้นโสมยังไม่ได้รับการศึกษาในการใช้กับคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นควรใช้โสมด้วยความระมัดระวังหากคุณเป็นโรคหัวใจ

โรคเบาหวาน: โสมอาจลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับคนที่เป็นเบาหวานที่ใช้ยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว การใช้โสมอาจยิ่งทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิดหากคุณเป็นโรคเบาหวานและใช้โสมควบคู่ไปด้วย

อาการป่วยที่ไวต่อฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งมดลูก, มะเร็งรังไข่, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเนื้องอกในมดลูก: โสมมีสารเคมี (ginsenosides) ที่มีคุณลักษณะเหมือนกับฮอร์โมนเพศหญิง(estrogen) หากคุณมีอาการป่วยใด ๆ ที่อาจมีอาการแย่ลงจากการสัมผัสกับฮอร์โมนเพศหญิง(estrogen) อย่าใช้โสม

ปัญหาการนอนหลับ (นอนไม่หลับ): การใช้โสมในปริมาณสูงส่งผลต่ออาการนอนไม่หลับ หากคุณมีปัญหาในการนอนหลับ ให้ใช้โสมด้วยความระมัดระวัง

การปลูกถ่ายอวัยวะ: โสมอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น ซึ่งอาจไปรบกวนประสิทธิภาพของยาที่ได้รับหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อลดโอกาสที่อวัยวะจะถูกปฏิเสธ ถ้าคุณได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะอย่าใช้โสม

โรคจิตเภท (โรคทางจิต): การใช้โสมในปริมาณสูง มีผลต่อปัญหาการนอนหลับและหงุดหงิดในผู้ที่เป็นโรคจิตเภท ระมัดระวังในการใช้โสมถ้าคุณเป็นโรคจิตเภท

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงที่อาจได้รับจากการใช้โสม

ผลข้างเคียงปกติที่พบมากที่สุดคือปัญหานอนหลับ (โรคนอนไม่หลับ) ปัญหาที่พบรองลงมาคือ ประสบปัญหาเกี่ยวกับการมีประจำเดือน,อาการปวดเต้านม,อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น,ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ, ปวดศีรษะ, สูญเสียความอยากอาหาร, ท้องเสีย, คัน, ผื่น, เวียนศีรษะ, การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์,     การตกเลือดบริเวณช่องคลอด, และอาการข้างเคียงอื่น ๆ

ผลข้างเคียงที่ไม่ปกติที่ได้รับการรายงานมานั้นรวมถึงอาการผื่นที่รุนแรงที่เรียกว่า กลุ่มอาการสตีเฟนส์–จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome) ,สร้างความเสียหายต่อตับ,และอาการแพ้อย่างรุนแรง

ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับผลข้างเคียงดังกล่าว อาจมีผลข้างเคียงอื่นๆที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลข้างเคียงใดๆ ควรปรึกษานักสมุนไพร หรือแพทย์

 

ปฏิกิริยาระหว่างยา

ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้โสม

โสมอาจมีปฏิกิริยากับยาหรือเงื่อนไขทางการแพทย์ในปัจจุบันของคุณ ควรปรึกษากับนักสมุนไพร หรือแพทย์ก่อนการใช้งาน

ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีปฏิกิริยากับโสม ได้แก่ :

แอลกอฮอล์

ร่างกายจะย่อยแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดมันออกจากร่างกาย การใช้โสมอาจเพิ่มความเร็วในการกำจัดแอลกอฮอล์ของร่างกาย

คาเฟอีน

คาเฟอีนสามารถเร่งการทำงานของระบบประสาทได้ โดยการเร่งระบบประสาทของคาเฟอีนอาจทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจและเร่งการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้โสมก็สามารถเพิ่มความเร็วของระบบประสาท ดังนั้นการใช้โสมพร้อมกับคาเฟอีนอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง อย่างเช่น อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น และความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้คาเฟอีนควบคู่กับโสม

 ยาฟูโรซีไมด์ (Lasix)

นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าโสมอาจลดประสิทธิภาพในการทำงานของยาฟูโรซีไมด์ (Lasix) แต่ไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทราบว่าเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่

อินซูลิน

โสมอาจลดน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้อินซูลินเองก็ยังใช้เพื่อลดน้ำตาลในเลือด ดังนั้นการใช้โสมควบคู่กับอินซูลินอาจทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณต่ำเกินไป ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิด และปริมาณการใช้อินซูลินของคุณอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ยาที่เปลี่ยนได้โดยตับ (Cytochrome P450 2D6 (CYP2D6))

ยาบางตัวมีการเปลี่ยนแปลงและถูกทำลายได้โดยตับ โสมอาจไปลดระดับความเร็วในการย่อยสลายยาของตับ ดังนั้นการใช้โสมควบคู่ไปกับยาบางชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงได้โดยตับสามารถเพิ่มผลกระทบและผลข้างเคียงของยาได้ ก่อนที่จะใช้โสมควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ หากคุณกำลังใช้ยาที่มีการเปลี่ยนแปลงได้โดยตับ

ยาบางชนิดที่ถูกเปลี่ยนได้โดยตับ ได้แก่ amitriptyline (Elavil), clozapine (Clozaril), codeine, desipramine (Norpramin), donepezil (Aricept), fentanyl (Duragesic), flecainide (Tambocor), fluoxetine (Prozac), meperidine (Demerol) , Metadone (Dolophine), metoprolol (Lopressor, Toprol XL), olanzapine (Zyprexa), ondansetron (Zofran), tramadol (Ultram), trazodone (Desyrel) และอื่น ๆ

ยาสำหรับโรคซึมเศร้า (MAOIs)

โสมอาจไปกระตุ้นร่างกาย ซึ่งยาบางชนิดที่ใช้สำหรับรักษาโรคซึมเศร้าก็สามารถกระตุ้นร่างกายได้เช่นกัน ดังนั้นการใช้โสมกับยาเหล่านี้ที่ใช้สำหรับโรคซึมเศร้าอาจทำให้เกิดการกระตุ้นมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ความวิตกกังวล, ปวดหัว, กระสับกระส่าย และนอนไม่หลับ

ยาบางชนิดที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้า ได้แก่ phenelzine (Nardil), tranylcypromine (Parnate) และอื่น ๆ

ยาสำหรับโรคเบาหวาน (ยาต้านโรคเบาหวาน)

โสมอาจลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งยาสำหรับรักษาโรคเบาหวานเองก็ใช้ในการลดน้ำตาลในเลือด ดังนั้นการใช้โสมควบคู่ไปกับยารักษาโรคเบาหวานอาจทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณต่ำเกินไป ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างใกล้ชิด และอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณยาโรคเบาหวานของคุณ

ยาบางชนิดที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวาน ได้แก่ glimepiride (Amaryl), glyburide (DiaBeta, Glynase PresTab, Micronase), อินซูลิน, pioglitazone (Actos), rosiglitazone (Avandia), chlorpropamide (Diabinese), glipizide (Glucotrol), tolbutamide (Orinase) และอื่น ๆ .

ยาที่ช่วยลดระบบภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants)

โสมช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน โดยการไปเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นโสมอาจลดประสิทธิภาพของยาที่ช่วยลดระบบภูมิคุ้มกัน

ยาบางชนิดที่ช่วยลดระบบภูมิคุ้มกัน ได้แก่ azathioprine (Imuran), basiliximab (Simulect), cyclosporine (Neoral, sandimmune), daclizumab (Zenapax), muromonab-CD3 (OKT3, Orthoclone OKT3), mycophenolate (CellCept), tacrolimus (FK506, Prograf ), sirolimus (Rapamune) prednisone (Deltasone, Orasone), corticosteroids (glucocorticoids) และอื่น

ยาที่ชะลอการแข็งตัวของเลือด (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด / ยาต้านเกล็ดเลือด)

โสมอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า ดังนั้นการใช้โสมควบคู่ไปกับยาที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดช้าอาจเพิ่มโอกาสที่จะมีอาการห้อเลือดและมีเลือดออกมาก

ยาบางชนิดที่ชะลอการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ แอสไพริน, clopidogrel (Plavix), diclofenac (Voltaren, Cataflam อื่น ๆ ), ibuprofen (Advil, Motrin อื่น ๆ ), naproxen (Anaprox, Naprosyn, อื่น ๆ ), dalteparin (Fragmin), enoxaparin (Lovenox) , heparin, warfarin (Coumadin) และอื่น ๆ

ยากระตุ้น (Stimulant drugs)

ยากระตุ้นจะไปกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานเร็วขึ้น โดยการเร่งการทำงานของระบบประสาทนั้น ยากระตุ้นอาจทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวายและเร่งการเต้นของหัวใจ ดังนั้นการใช้โสมซึ่งอาจเพิ่มความเร็วของระบบประสาทเช่นกันพร้อมกับยากระตุ้นอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงรวมทั้งอัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้นและความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยากระตุ้นร่วมกับโสม

ยากระตุ้นบางชนิด เช่น diethylpropion (Tenuate), epinephrine, phentermine (Ionamin), pseudoephedrine (Sudafed), และอื่น ๆ อีกมากมาย

 ยาวาร์ฟาริน (Coumadin)

ยาวาร์ฟาริน (Coumadin) ใช้ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด มีความกังวลว่าโสมอาจลดประสิทธิผลของ ยาวาร์ฟาริน แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าปฏิกิริยาระหว่างยานี้เป็นปัญหาใหญ่หรือไม่ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตรวจเลือดเป็นประจำ และปริมาณการใช้ยาวาร์ฟาริน อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง

 

ขนาดยา

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเสมอ

 

ขนาดยาปกติสำหรับการใช้โสม คือเท่าไร?

ปริมาณต่อไปนี้ได้รับการศึกษาในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์:

โดยการรับประทาน:

สำหรับโรคอัลไซเมอร์: ใช้รากโสม ครั้งละประมาณ 4.5 ถึง 12 กรัมทุกวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์

สำหรับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): ใช้โสม ปริมาณ 100 มก. ถึง 6 กรัม 3ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน

สำหรับอาการทางจิต: ใช้ในปริมาณ 200 ถึง 400 มก. ของสารสกัดจากโสมเฉพาะ (G115, Pharmaton SA, Lugano, Switzerland) ทานวันละครั้งหรือแบ่งเป็นสองครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ หรือใช้ในปริมาณ 200-960 มิลลิกรัมเพียงครั้งเดียว

สำหรับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ: ใช้โสม ปริมาณ 1400 ถึง 2700 มิลลิกรัม แบ่งเป็นสองหรือสามครั้งต่อวันเป็นเวลาไม่เกิน 12 สัปดาห์

สำหรับไข้หวัดใหญ่: ใช้ 200 มิลลิกรัมของโสมสกัด (G115) ทุกวัน เริ่มใช้ 4 สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่และใช้เป็นเวลา 8 สัปดาห์หลังจากนั้น นอกจากนี้ยังใช้ปริมาณ 1 กรัมของโสมสกัด 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์

สำหรับความเมื่อยล้าที่เกิดจากโรคเอ็มเอส (Multiple sclerosis): ใช้โสม ปริมาณ250 มก. วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 3 เดือน

สำหรับการกระตุ้นทางเพศ: ใช้โสมแดงเกาหลี 3 กรัม ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของโสมเป็นประจำทุกวันเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์ผสานกันเฉพาะ (ArginMax for Women, บริษัท Daily Wellness) ใช้ทุกวันเป็นเวลา 4 สัปดาห์

ใช้กับผิว:

สำหรับการหลั่งเร็ว: ครีม (SS-Cream) ที่มีโสมและส่วนผสมอื่น ๆ ถูกนำไปใช้กับอวัยวะเพศชายหนึ่งชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์และล้างออกก่อนการมีเพศสัมพันธ์

ปริมาณการใช้อาหารเสริมชนิดนี้อาจมีความแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และเงื่อนไขอื่น ๆ อนึ่งอาหารเสริมไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษานักสมุนไพร หรือแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการใช้ยาที่เหมาะสม

 

โสม สามารถพบได้ในรูปแบบใดบ้าง?

อาหารเสริมจากโสม อาจมีอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้:

  • แคปซูล
  • สารสกัดเหลว
  • เครื่องดื่มชูกำลัง
  • ชา

 

Panax ginseng http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-1000-ginseng,%20panax.aspx?activeingredientid=1000&activeingredientname=ginseng,%20panax Accessed July 13, 2017

Panax ginseng https://examine.com/supplements/panax-ginseng/ Accessed July 13, 2017

24/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว