เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / ยาวาลเทรกซ์ (VALTREX)
โดย :
ทบทวนบทความโดย :
ยาวาลเทรกซ์ (VALTREX)

Title: Valtrex® (valacyclovir)
Headliner: ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) (ยาวาลาไซโคลเวียร์)(valacyclovir) คืออะไร
Tags:

การใช้
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) (valacyclovir) ใช้สำหรับอะไร
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เป็นยาต้านไวรัสชนิดหนึ่ง ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) จะยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของไวรัสเริม เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รักษาอาการติดเชื้อ ได้
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากเชื้อไวรัสเริม เช่น เริมที่อวัยวะเพศ เริมที่ริมฝีปาก และโรคงูสวัด (herpes zoster) ในผู้ใหญ่
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ใช้รักษาเริมที่ปากในเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป หรือใช้รักษาโรคอีสุกอีใสในเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ไม่ได้ใช้รักษาเริมและไม่ได้ป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปสู่ผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) สามารถบรรเทาอาการติดเชื้อได้

ใช้ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อย่างไร
ใช้ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เมื่อได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ ปฏิบัติตามทุกขั้นตอนรายละเอียดการใช้ อย่าใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ในปริมาณมาก น้อย หรือใช้เป็นเวลานานเกินไปที่แพทย์แนะนำให้ใช้
เริ่มใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ทันทีที่เริ่มมีอาการปรากฏออกมา (เช่น มีอาการเจ็บ แสบร้อน หรือ ผิวหนังพุพอง) ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อาจไม่ได้เห็นผลในทันทีเมื่อเริ่มใช้ในระยะ 1 – 2 วันแรกหลังมีอาการ
ในการติดเชื้อเริมบางรายอาจต้องใช้เวลารักษานานกว่ารายอื่น ใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ตามระยะเวลาที่ระบุในใบสั่งยาที่ระบุไว้ อาการของโรคอาจดีขึ้นก่อนที่จะหายจากการติดเชื้อ การหยุดยาอาจเสี่ยงทำให้เชื้อไวรัสเกิดการดื้อยาได้
การใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) กับมื้ออาหารหรือขณะท้องว่าง
การดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ขณะใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) จะช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
ควรรักษาแผลที่เกิดจากเชื้อไวรัสเริมให้สะอาดและแห้งเสมอ การใส่เสื้อผ้าหลวมๆจะช่วยให้ลดการระคายเคืองจากแผลได้

ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เก็บรักษาอย่างไร
เก็บยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ไว้ในอุณหภูมิห้องให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ไม่ควรเก็บไว้ในห้องน้ำหรือตู้เย็น อาจมียาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) หลายยี่ห้อที่อาจมีวิธีการเก็บรักษาที่แตกต่างออกไป หมั่นตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เสมอเพื่อเก็บคำแนะนำตัวยาไว้ หรือสอบถามวิธีเก็บรักษาจากเภสัชกร ควรเก็บ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ให้พ้นมือเด็กหรือสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ลงในโถส้วม หรือเทลงแหล่งน้ำ ถ้าไม่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ ต้องทิ้งยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เมื่อหมดอายุหรือไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเภสัชกร เมื่อต้องการทราบวิธีทำลายยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อย่างปลอดภัย

 

ข้อแนะนำและคำเตือน

สิ่งที่ควรทราบก่อนการใช้ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)
ปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เมื่อมีอาการต่อไปนี้
• สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
• อยู่ระหว่างรับประทานยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา เช่น สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่างๆ
• หากเคยมีประวัติแพ้สารประกอบชนิดใดชนิดหนึ่งของยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) หรือยาชนิดอื่นๆ
หากมีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
• เป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ (HIV/AIDS) ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ โรคไต (หรือเป็นผู้ที่ต้องใช้เครื่องฟอกไต) หรือในระหว่างปลูกถ่ายไตหรือไขกระดูก
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อาจทำอันตรายต่อไตได้ และอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อไตมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาอื่น ควรแจ้งยาทั้งหมดที่กำลังใช้อยู่กับแพทย์ ในการรักษาอาจต้องมีการเพิ่มขนาดยาหรือการทดสอบเป็นพิเศษเมื่อมีการรักษาโรคอื่นร่วมกับการใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)
ควรเริ่มรักษาด้วยยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ทันทีที่เริ่มมีอาการปรากฏออกมา (เช่น มีอาการเจ็บ แสบร้อน หรือ ผิวหนังพุพอง)

ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์หรือหญิงให้นมบุตรหรือไม่
ไม่มีการศึกษาเพียงพอเกี่ยวกับสตรีที่มีความเสี่ยงเมื่อรักษาด้วยยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ ถึงคุณประโยชน์ของการรับประทานยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)นี้ต้องมีมากกว่าความเสี่ยงก่อนการใช้ การรักษาโดยใช้ยานี้สำหรับสตรมีครรภ์จะจัดอยู่ในหมวด B ตามมาตรฐานองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (The US Food and Drug Administration) (FDA)
FDA ให้ค่าความเสี่ยงในสตรีมีครรภ์ตามรายละเอียดอ้างอิงต่อไปนี้
• A=ไม่มีความเสี่ยง
• B=ไม่มีความเสี่ยงในบางการวิจัย
• C=อาจเกิดความเสี่ยงขึ้นได้
• D=เกิดความเสี่ยง
• X=ห้ามใช้
• N=ไม่มีข้อมูล

ผลข้างเคียง
อะไรคือผลข้างเคียงจากการใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)
ควรเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนหากมีสัญญาณของอาการแพ้ต่อยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) เกิดผื่นลมพิษ หายใจลำบาก มีอาการบวมที่ หน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ
ปรึกษาแพทย์หากมีอาการดังนี้
• อาการสับสน ก้าวร้าว สั่น หรือมีการเดินที่ไม่มั่นคง
• มีอาการประสาทหลอน
• มีปัญหาในการพูดออกเสียง
• อาการชัก (convulsions)
• ไตผิดปกติ – ปัสสาวะกระปริบกระปรอย อาการขัดเบา หรือปัสสาวะลำบาก มีอาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า อ่อนเพลีย หรือหายใจหอบถี่
หยุดยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) และติดต่อแพทย์โดยด่วน หากมีผลข้างเคียงรุนแรงที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเม็ดเลือดแดงได้ ตามสัญญาณดังนี้
• มีไข้ ผิวหนังซีดเซียว
• มีเลือดออกผิดปกติ (เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามเหงือก)
• ปัสสาวะสีแดงหรือสีชมพู ปัสสาวะกระปริบกระปรอย
• มีจุดแดงขึ้นตามผิวหนัง (ที่ไม่ใช่อาการของโรคเริมหรืออีสุกอีใส)
• รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า
• ปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด หรืออาเจียน
• หน้าบวม มือบวม หรือเท้าบวม
ผลข้างเคียงมักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ผลข้างเคียงโดยทั่วไปของยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ประกอบด้วย
• คลื่นไส้ ปวดท้อง
• ปวดศีรษะ
• เป็นผื่น
• รู้สึกเหนื่อยล้า
ผลข้างเคียงไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้นได้ หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาต่อยา
ยาอะไรบ้างที่ทำปฏิกิริยาต่อยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนการออกฤทธิ์ยาหรือทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงอย่างรุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาของยา ควรทราบรายชื่อทั้งหมดของยาที่ใช้อยู่ (ทั้งยาที่มีใบสั่งยาจากแพทย์และไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ รวมทั้งสมุนไพรต่างๆที่ใช้) และแจ้งรายชื่อยาที่ใช้ทั้งหมดแก่แพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงปริมาณยาที่ใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์

ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)ทำปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) อาจทำปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยแปรสภาพการออกฤทธิ์ยาหรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงก่อนใช้ยา

สภาวะร่างกายแบบใดที่จะเกิดปฏิกิริยากับยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)อาจทำปฏิกิริยากับสภาวะทางร่างกายได้ ปฏิกิริยาดังกล่าวอาจทำให้ร่างกายแย่ลงหรือทำให้ฤทธิ์ของยาเปลี่ยนไป จำเป็นต้องบอกถึงสภาวะร่างกายของตนเองกับแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ
สภาวะร่างกายที่อาจเกิดปฏิกิริยาต่อ ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) คือ
• โรคไต (หรืออยู่ในช่วงที่ได้รับฟอกไต)
• โรคเอดส์ (HIV/AIDS) หรืออยู่ในสภาวะที่ร่างกายมีระดับภูมิคุ้มกันต่ำ
• มีประวัติการปลูกถ่ายไต หรือการปลูกถ่ายไขกระดูกสันหลังมาก่อน
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับรายละเอียดของขนาดยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®)ก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ของผู้ใหญ่คือเท่าใด
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ในการรักษาโรคเริมที่ริมฝีปาก:
รับประทานยาขนาด 2 กรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง รวมทั้งหมดวันละ 2 ครั้ง (4 กรัม)
ควรเริ่มรักษาในช่วงระยะแรกของสัญญาณการเกิดเริมที่ริมฝีปาก (เช่น มีอาการเจ็บ แสบร้อน หรือ ผิวหนังพุพอง)
ขนาดยาปกติสำหรับผู้ใหญ่ในการรักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ–(เยื่อบุผิวหนังอักเสบ/ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันปกติ)(Mucocutaneous/Immunocompetent Host):
เริมที่อวัยวะเพศ: รับประทานยา 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 – 10 วัน
ประสิทธิผลของยายังไม่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มใช้ยา 72 ชั่วโมงแรก และหลังจากนั้นจะเริ่มมีสัญญาณและอาการจากการออกฤทธิ์ยา
เมื่อกลับมาเป็นโรคใหม่: รับประทานยา 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วัน
การรักษาควรเริ่มตั้งแต่มีสัญญาณของโรคเริมอวัยวะเพศ ประสิทธิภาพของยาจะไม่เป็นผลหากเริ่มใช้ยาหลังมีสัญญาณหรืออาการมากกว่า 24 ชั่วโมง
ขนาดยาปกติสำหรับผู้ใหญ่ในการรักษาเชื้อไวรัสเริม – ในการยับยั้งเชื้อ:
การยับยั้งเชื้อในระยะเรื้อรังของโรคเริมอวัยวะเพศที่กลับมาเป็นซ้ำ:
ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันปกติ (Immunocompetent host): รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 1 ครั้ง
ขนาดยาที่เปลี่ยนสำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ที่มีประวัติการเป็นโรคซ้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ 9 ครั้ง ต่อปี: รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
ไม่ได้ระบุความปลอดภัยและประสิทธิผลเกินกว่า 1 ปีไว้ สำหรับคนไข้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ
ผู้ป่วยเอชไอวี (HIV-infected host) ที่มีค่าเม็ดเลือดขาว CD4 100 cells/mm3 หรือมากกว่า: รับประทาน 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ไม่ได้ระบุความปลอดภัยและประสิทธิผลเกินกว่า 6 เดือนไว้ สำหรับผู้ป่วยเอชไอวี (HIV-infected patients)
การลดการแพร่เชื้อเริมที่อวัยวะเพศในผู้ป่วยภูมิคุ้มกันปกติที่มีประวัติการเกิดโรคซ้ำ เท่ากับหรือน้อยกว่า 9 ครั้ง ต่อปี: รับประทาน 500 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง สำหรับผู้ป่วยที่มีเชื้อ
ไม่ได้ระบุประสิทธิภาพมากเกินกว่า 8 เดือน ในคู่ของผู้ป่วยที่ไม่ได้มีเชื้อ
ขนาดปกติในผู้ใหญ่ที่มีเป็นงูสวัด:
รับประทาน 1 กรัม ทุก 8 ชั่วโมง ติดต่อกัน 7 วัน
ยาจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากเริ่มรับประทานภายใน 48 ชั่วโมง เมื่อเริ่มเกิดผื่นตุ่มขึ้น ยาจะไม่เกิดผลการรักษาเท่าที่ควรหากเริ่มใช้ยาเกินกว่า 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดตุ่มผื่นขึ้น
ขนาดปกติในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเริม--(เยื่อบุผิวหนังอักเสบ/ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ)(Mucocutaneous/Immunocompromised Host):
โรคเริมที่อวัยวะเพศในผู้ป่วยเอชไอวี (HIV)-ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ:
การใช้ในครั้งแรก: รับประทาน 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 7 – 14 วัน
ไม่ระบุประสิทธิผลของยา หากเริ่มรับประทานหลังเกิดสัญญาณหรืออาการไปแล้ว 72 ชั่วโมง
เมื่อกลับมาเป็นโรคใหม่: รับประทาน 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 5 – 14 วัน
ควรเริ่มการรักษาเมื่อมีสัญญาณแรกของโรคเริมอวัยวะเพศเกิดขึ้น ไม่ระบุประสิทธิผลของยา หากเริ่มรับประทานหลังเกิดสัญญาณหรืออาการไปแล้ว 24 ชั่วโมง
การรักษาด้วยยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) สำหรับช่วงแรกและระยะเรื้อรังของโรคเริมในผู้ป่วยโรคเอชไอวีนั้น ไม่ได้รับการอนุมัติจากตามมาตรฐานองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)
ขนาดยาปกติของผู้ใหญ่ในการป้องกันโรค CMV (CMV Prophylaxis):
ในผู้ได้รับการปลูกถ่ายไต: รับประทาน 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง
การใช้ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) สำหรับการป้องกันเชื้อไซโตเมกะโลไวรัส(Cytomegalovirus or CMV Prophylaxis) ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากตามมาตรฐานองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)

ขนาดยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) สำหรับเด็กคือเท่าใด
ขนาดยาปกติสำหรับเด็กที่เป็นโรคเริมที่ริมฝีปาก:
เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป: รับประทาน 2 กรัม ทุกๆ 12 ชั่วโมง จำนวนทั้งหมด 2 ครั้งต่อวัน (4 กรัม)
ควรรักษาในระยะเริ่มแรกที่มีสัญญาณของเริมริมฝีปาก (เช่น มีอาการเจ็บ แสบร้อน หรือ ผิวหนังพุพอง)
ขนาดยาปกติสำหรับเด็กที่เป็นโรคงูสวัดหรืออีสุกอีใส (Varicella-Zoster):
โรคอีสุกอีใสในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันปกติ:
เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 18 ปี: รับประทาน 20 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 5 วัน
ขนาดยาที่จำกัดปริมาณมากที่สุด: รับประทาน 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง
ควรเริ่มรักษาด้วยยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) สำหรับช่วงแรกของโรคอีสุกอีใสไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังเกิดตุ่มผื่น

ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) มีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง
ยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) มีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
• แบบเม็ด มีฟิล์มเคลือบ: วาลาไซโคลเวียร์ ไฮดรอคลอไรด์ ขนาด 500 มิลลิกรัม (valacyclovir hydrochloride 500mg)

ควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการฉับพลันหรือมีการรับยาเกินขนาด
เมื่อมีอาการฉับพลันหรือมีการรับยาเกินขนาด ติดต่อเบอร์โทรศัพท์หน่วยฉุกเฉินส่งสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หากลืมรับประทานยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ควรทำอย่างไร
หากลืมรับประทานยาวาลเทรกซ์ (Valtrex®) ให้รับประทานยาทันที อย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงเวลาที่ใกล้กับยามื้อต่อไป ให้เว้นยาที่ลืมรับประทานไป แล้วรับประทานยามื้อต่อไปตามเดิม อย่ารับประทานซ้ำกัน

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาแต่อย่างใด

Valtrex®. https://www.drugs.com/valtrex.html. Accessed August 7, 2017
Valtrex®. http://www.webmd.com/drugs/2/drug-14126/valtrex-oral/details. Accessed August 7, 2017

23/02/2018
บทความที่เกี่ยวข้อง
CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว