เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / PM 2.5 ตัวการทำผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ
PM 2.5 ตัวการทำผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบ

กรุงเทพฯ, 1 มีนาคม 2564 – หนึ่งในปัญหาการใช้ชีวิตของคนเมืองคือการต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเต็มไปด้วยฝุ่นละอองที่ปกคลุมและพบค่าฝุ่นสูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจ รวมถึงระบบผิวหนัง ซึ่งเป็นเป็นอวัยวะที่ต้องเผชิญกับสิ่งแวดล้อมและมลภาวะตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและระคายเคือง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคผิวหนัง อาทิ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง PM 2.5 กระตุ้นให้อาการกำเริบขึ้นได้


ศ.เกียรติคุณ นพ.ปกิต วิชยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี กล่าวว่า “โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic Dermatitis (AD) เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่พบบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ในคนไทย โดยส่วนมากพบในทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี รองลงมาคือเด็กโต อายุระหว่าง 2-12 ปี และในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งพบได้บ้าง แต่ไม่บ่อยนัก โดยกลไกในการเกิดโรคเกิดจากการที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติของผิวหนัง อาทิ ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย มีอาการคัน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยด้านพันธุกรรมร่วมกับการมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยมีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการกำเริบ อาทิ สารแพ้ต่างๆ สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ภาวะอากาศร้อนจัดหรือหนาวจัด การติดเชื้อที่ผิวหนัง การแพ้อาหารบางชนิด รวมถึงฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเป็นมลพิษทางอากาศที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผู้ป่วยที่สัมผัสกับฝุ่นละอองเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบให้อาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบขึ้นได้ ได้แก่ เกิดอาการคัน แสบร้อนบริเวณผิวหนัง มีตุ่มแดงเกิดขึ้นเนื่องจากหลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้เกิดการเกา ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบที่มากขึ้น เช่น เป็นแผล และมีน้ำเหลืองซึม”


สำหรับการการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบในช่วงภาวะฝุ่น PM 2.5 ศ.เกียรติคุณ นพ.ปกิต วิชยานนท์ ได้แนะนำว่า ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืองดเว้นการออกไปในบริเวณที่มีมลพิษในปริมาณมาก เพื่อเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นโดยตรง หากมีความจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ให้คอยตรวจเช็คค่าฝุ่น และใช้เวลาสัมผัสกับฝุ่นให้สั้นที่สุด เมื่อกลับถึงบ้านให้รีบอาบน้ำทันที และทาโลชั่นหรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง แต่หากมีอาการอักเสบรุนแรง ควรเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที


อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากเกิดกับผู้ป่วยเด็กเมื่อโตขึ้น อาการจะดีขึ้น ส่วนใหญ่จะหายได้ และสามารถควบคุมการกำเริบของโรคได้ ดังนั้น เป้าหมายของการรักษาโรคนี้จึงอยู่ที่ การพยายามควบคุมอาการของโรคและให้อยู่ในช่วงสงบนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแนวทางการรักษา ได้แก่ การหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ การทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง ป้องกันผิวแห้ง และใช้ยาทาลดอาการอักเสบเฉพาะเมื่อมีการอักเสบที่ผิวหนังเท่านั้น ทาบริเวณผื่นที่มีอาการเห่อแดงอักเสบ เมื่อควบคุมอาการได้ควรลดการใช้ยาหรือหยุดยาตามคำแนะนำของแพทย์ ในรายที่มีผื่นขึ้นมากและอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจพิจารณาให้รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน และในปัจจุบันมีการรักษาโดยยาฉีดกลุ่มชีวภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งความก้าวหน้าของแนวทางการรักษา โดยจะเลือกใช้ในรายที่มีอาการในระดับปานกลางถึงรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยวิธีอื่น ทั้งนี้ควรอยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์อย่างใกล้ชิด

01/03/2021
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปกิต วิชยานนท์

ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันวิทยา ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี

บทความอื่นๆ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจแก่ประชาชน
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถ

WHO เฝ้าระวัง ปอดอักเสบ ในทุกวัย
WHO ออกแถลงการณ์ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ-ปอดบวม ระบาดในเด็กมากขึ้นทางตอนเหนือของจีน โดยหวั่นกันว่า อาจเกิดการระบาดใหญ่อีกระลอก พร้อมเรียกร้องให้จีนเผยข้อมูล

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐ - นักวิชาการแพทย์ เร่งขับเคลื่อนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เนื่องในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว