เช็คสุขภาพ : ที่นี่ ... มีคำตอบให้ทุกคำถามเกี่ยวกับสุขภาพของท่าน
หน้าแรก / บทความ / การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ
การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ

โรคต่อมลูกหมากโตไม่เพียงสร้างความรำคาญ แต่ยังส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน หากมีอาการรุนแรงอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งทำให้คุณผู้ชายกังวลใจ แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ปัจจุบันสามารถรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) โดยไม่ต้องผ่าตัด คืนคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยกลับมายิ้มได้อีกครั้ง 

นพ. ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ ผู้อำนวยการศูนย์โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า โรคต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostate Hyperplasia) คือ ภาวะต่อมลูกหมากที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดใหญ่ผิดปกติจนไปบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง ชายไทยมีความผิดปกติของต่อมลูกหมากมากเป็นอันดับ 1 โดยพบได้มากกว่า 50% ของผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป และร้อยละ 80 ของชายที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ปัจจัยคืออายุที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ค่อย ๆ ลดลงไป รวมถึง อารมณ์และจิตใจที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์ด้วยอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะเวลากลางคืน ปัสสาวะไม่สุด บางครั้งมีปัญหาเรื่องการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต ซึ่งอาการและความรุนแรงของโรคในแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป การตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตจะเริ่มด้วยการ ซักประวัติเพื่อตรวจสอบอาการ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจวัดความแรงของสายปัสสาวะ อัลตราซาวนด์ขนาดต่อมลูกหมากที่เปลี่ยนแปลง ตรวจคลำต่อมลูกหมากผ่านทางท่อทวารหนักเพื่อดูความผิดปกติ  

วิธีรักษาต่อมลูกหมากโตที่นิยมคือ การกินยารักษาหรือการผ่าตัด แต่ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยที่ไม่ต้องการผ่าตัดและไม่อยากกินยา เพราะกลัวผลข้างเคียง ปัจจุบันโรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่นำเทคโนโลยีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) โดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต ซึ่งการรักษาด้วยไอน้ำ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2558 และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย 

การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ แพทย์จะใช้เครื่องมือและกล้องสอดผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปยังต่อมลูกหมากจากนั้นจะฉีดไอน้ำอุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียส ประมาณ 4-6 ครั้ง โดยจะขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก หากมีขนาดที่โตมากจำนวนครั้งในการฉีดก็จะมากขึ้นไปด้วย โดยการรักษาจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ต่อมลูกหมากโตขนาด 30-80 กรัม เวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 15 นาทีต่อครั้ง หลังการรักษาจะทำการใส่สายสวนปัสสาวะแบบคาสายปัสสาวะชนิดโฟเลย์ (Foley’s catheter) ประมาณ 7-10 วัน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องปัสสาวะเอง ช่วยให้อาการบวมหายไวและกระเพาะปัสสาวะฟื้นตัวเร็วขึ้น  หลังจากเอาสายสวนปัสสาวะออกแล้ว อาจรู้สึกปัสสาวะลำบากเพราะยังมีอาการบวมของต่อมลูกหมาก หรือมีอาการแสบร้อนระหว่างปัสสาวะบ้าง รวมถึงมีเลือดปนออกมาในปัสสาวะเล็กน้อยประมาณ 4-6 สัปดาห์และอาจมีเลือดปนออกมาในอสุจิได้ รวมถึงปริมาณการหลั่งน้ำอสุจิลดลง  การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ถ้ามีมักจะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์และส่วนใหญ่อาการขับถ่ายปัสสาวะจะดีขึ้นจนเกือบปกติเต็มที่ภายใน 3 เดือน 

วิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มีขนาดต่อมลูกหมากไม่เกิน 30 - 80 g ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาหรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา มีปัญหาสุขภาพที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดที่ต้องวางยาสลบนาน ๆ ไม่มีการใส่อวัยวะเพศเทียม ข้อดีคือ ช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด ด้วยการทำหัตถการผ่านกล้องเข้าท่อปัสสาวะตามทางธรรมชาติ ไม่ต้องวางยาสลบ ใช้เวลาไม่นานในการรักษา ฟื้นตัวเร็ว กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ (การแข็งตัวของอวัยวะเพศหรือการหลั่งน้ำอสุจิเป็นปกติ) สามารถใช้รักษาผู้ป่วยในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดได้ ผลลัพธ์ค่อนข้างยาวนาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่รักษาเพียงครั้งเดียวและติดตามผลทุก 2 - 5 ปี 

เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตจึงเป็นเรื่องที่คุณผู้ชายไม่ควรละเลย ซึ่งการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำไม่เพียงเป็นวิธีการรักษาที่ใช้เวลาไม่นาน ฟื้นตัวได้เร็ว แต่ยังลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น ช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

15/11/2023
นพ. ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ

นพ. ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ ผู้อำนวยการศูนย์โรคระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ สำนักงานใหญ่

บทความอื่นๆ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจแก่ประชาชน
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถ

WHO เฝ้าระวัง ปอดอักเสบ ในทุกวัย
WHO ออกแถลงการณ์ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ-ปอดบวม ระบาดในเด็กมากขึ้นทางตอนเหนือของจีน โดยหวั่นกันว่า อาจเกิดการระบาดใหญ่อีกระลอก พร้อมเรียกร้องให้จีนเผยข้อมูล

ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐ - นักวิชาการแพทย์ เร่งขับเคลื่อนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เนื่องในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค

CHECKSUKKAPHAP.COM
เลขที่ 598 ชั้น 6 ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
095-515-9229
ข้อกำหนดและเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัว