บทลงโทษของหมอเถื่อน รุนแรงแค่ไหน?
หากสถานพยาบาลใดได้กล่าวอ้างว่านำเข้าแพทย์จากต่างประเทศมาให้บริการ ขอให้ตรวจสอบด้วยเพราะผิดกฎหมายหรือเรียกว่าหมอเถื่อน ตามกฎหมายไทยแล้วแพทย์จากต่างประเทศจะต้องสอบและได้รับใบประกอบวิชาชีพของไทยเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ให้บริการในประเทศไทย
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ บริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับความงามของประเทศไทย นับได้ว่าเป็นบริการที่ได้รับความนิยมจากประชาชน แต่ต้องเน้นย้ำว่าการนำแพทย์จากต่างประเทศมาให้บริการในสถานพยาบาลของไทย เป็นการบริการครั้งเดียว หรือการบริการแบบประจำจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 เท่านั้น ขั้นตอนคือ
- ขออนุญาตกับกรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
- แพทย์จากต่างประเทศต้องได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาก่อนจึงจะมีสิทธิ์ให้บริการในสถานพยาบาลของไทย
แต่มีข้อมูลที่น่ากลัวว่า ยังไม่มีแพทย์จากต่างประเทศรายใดได้รับใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา สรุปคือสถานรักษาพยาบาล หรือเสริมความงาม จึงมีความผิดตามกฎหมายฐานใช้หมอเถื่อน
ส่วนโทษของหมอเถื่อนนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. แพทย์ผู้ดำเนินการจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ฐานปล่อยให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่แพทย์มาดำเนินการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2. หมอเถื่อนมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประชาชนพบข้อสงสัยหรือพฤติกรรมน่าสงสัยให้แจ้งไปได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18822 หรือ 18618 หรือทางเฟสบุ๊ก : สารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์, มือปราบสถานพยาบาลเถื่อน และศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส. กระทรวงสาธารณสุข ในวันและเวลาราชการ
ที่มาภาพ : http://freedesignfile.com/295681-ready-to-inject-female-doctor-stock-photo/
บทความอื่นๆ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจแก่ประชาชน
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถ
WHO เฝ้าระวัง ปอดอักเสบ ในทุกวัย
WHO ออกแถลงการณ์ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ-ปอดบวม ระบาดในเด็กมากขึ้นทางตอนเหนือของจีน โดยหวั่นกันว่า อาจเกิดการระบาดใหญ่อีกระลอก พร้อมเรียกร้องให้จีนเผยข้อมูล
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐ - นักวิชาการแพทย์ เร่งขับเคลื่อนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เนื่องในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค