แพทย์เตือน 5G อันตรายต่อสุขภาพ อาจก่อมะเร็งหัวใจและสมอง
18 กุมภาพันธ์ 2562, กรุงเทพ --- นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทั่วโลกพากันรวมตัวรณรงค์เพื่อยืดเวลาการเปิดตัวโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ 5G หลังงานวิจัยชิ้นใหม่พบว่า สัญญาณโทรศัพท์ 5G อาจส่งผลต่อสุขภาพผู้ใช้โทรศัพท์ได้เป็นอย่างมาก
นักวิทยาศาสตร์และแพทย์กว่า 230 คนทั่วโลกระบุว่า สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่กำเนิดจากโครงข่าย 5G สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง มีผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ และเป็นสาเหตุของโรคระบบประสาท เช่น มีปัญหาในการเรียนรู้และความจำ และแม้แต่โรคอัลไซเมอร์
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และแพทย์กลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า กลุ่ม “5G Appeal” ยื่นเรื่องต่อสหภาพยุโรปเพื่อยับยั้งการพัฒนาโครงข่ายใหม่นี้จนกว่าการศึกษาอิสระที่ไม่ได้รับทุนจากหน่วยงานในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือจะสามารถประเมินได้ ถึงผลของกระทบของเทคโนโลยีต่อสุขภาพของมนุษย์ และโดยเฉพาะ กับเด็กทารกและเด็กโต
โดยก่อนหน้านี้ กลุ่ม “5G Appeal” ได้ยื่นหนังสือถึงองค์การสหประชาชาติและรัฐบาลทั่วโลกเพื่อให้กระตุ้นให้องค์กรอนามัยโลกแสดงความเป็นผู้นำในการสนับสนุนการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า EMF มากขึ้น
นักวิยาศาสตร์พากันกังวลเกี่ยวกับรังสี 5G เนื่องจากรังสีดังกล่าวจะได้ผลดีในระยะใกล้เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องมีการตั้งเสาอากาศ และเป็นไปได้ที่ระยะห่างของบ้านทุก ๆ 12 หลังในชุมชนเมืองจะต้องมีเสาอากาศดังกล่าว และเกือบทุกคนจะต้องสัมผัสกับคลื่นแม่เหล็กดังกล่าว
กลุ่ม “5G Appeal” เปิดตัวโครงการเพื่อรณรงค์ในปี 2015 และกลับมาเรียกร้องให้ยุติการเปิดตัวโครงข่าย 5G อีกครั้ง หลังมีรายงานจากนักวิจัย National Toxicology Program (NTP) ที่พบการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดมะเร็งหัวใจและมะเร็งสมองในสัตว์ “อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ” นักวิจัยยังระบุอีกว่า สัญญาณจากโครงข่ายนี้เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์
บทความอื่นๆ
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจแก่ประชาชน
แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เปิดตัวโครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถ
WHO เฝ้าระวัง ปอดอักเสบ ในทุกวัย
WHO ออกแถลงการณ์ พบกลุ่มผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ-ปอดบวม ระบาดในเด็กมากขึ้นทางตอนเหนือของจีน โดยหวั่นกันว่า อาจเกิดการระบาดใหญ่อีกระลอก พร้อมเรียกร้องให้จีนเผยข้อมูล
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ผนึกกำลังภาครัฐ - นักวิชาการแพทย์ เร่งขับเคลื่อนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
เนื่องในวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค